ทีเอ็มบีเผยดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอีไตมาส 3 ลดลง

กรุงเทพฯ 2 พ.ย. – ทีเอ็มบี เผยดัชนีความเชื่อมั่นเอสเอ็มอี ไตรมาส 3 ปรับตัวลง อยู่ที่ 37.3 กำลังซื้อฟื้นตัวช้า หวังอานิสงค์เทศกาลปลายปี หนุนรายได้เอสเอ็มอีฟื้น 


นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อม-ทีเอ็มบี ไตรมาส 3/2560 จากความเห็นของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 1,225 รายทั่วประเทศ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 37.3 ลดลงจาก 39.6  ในไตรมาสก่อน เนื่องจากผู้ประกอบการมองว่าแนวโน้มของผลประกอบการยังชะลอตัว เพาะเป็นช่วงนอกฤดูเก็บเกี่ยวทำให้การจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการลดลง นอกจากนั้นการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐกลับชะลอลงในปีนี้ จากเดิมเคยสูงสุดในช่วงไตรมาส 3 ก่อนสิ้นปีงบประมาณ ส่งผลให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจชะลอตัว กดดันความเชื่อมั่นด้านรายได้ของเอสเอ็มอีลดลงจากไตรมาสก่อน ขณะที่ค่าจ้างแรงงานและราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนหลักปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการมีความกังวลทำให้ความเชื่อมั่นด้านต้นทุนลดลง 

ส่วนยอดขายของเอสเอ็มอี ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อของประชาชนเป็นหลัก โดยในช่วงที่ผ่านมาราคาสินค้าเกษตรในภาพรวมยังทรงตัว ทำให้กำลังซื้อเกษตรกรไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนกำลังซื้อนอกภาคการเกษตรมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพียงร้อยละ 3 ต่อปี ส่งผลกำลังซื้อโดยรวมเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ดังนั้นแม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ดี ร้อยละ 3.5ในปีนี้ และเพิ่มเป็นร้อยละ 3.8ในปี 2561 แต่การฟื้นตัวยังส่งไม่ถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทำให้ยังมีเสียงบ่นจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับมาตรการช้อปช่วยชาติ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายในห้างสรรพสินค้าให้คึกคัก แต่ไม่ได้กระจายลงสู่เอสเอ็มอี และพื้นที่ต่าง ๆ


นายเบญจรงค์ กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 52.4 จากไตรมาสก่อน 48.8  โดยคาดว่าผลประกอบการสิ้นปีดีขึ้น เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลปลายปี ซึ่งเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขาย ประกอบกับเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ช่วยหนุนกำลังซื้อและรายได้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีคึกคักขึ้นจนถึงปีหน้า 

อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของเอสเอ็มอียังสูง ทำให้การขยายตัวของสินเชื่อเอสเอ็มอีปีนี้โตเพียงร้อยละ 4.3 ต่ำกว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อรวมท่ีขยายตัวร้อยละ 5 ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล  ผ่านพ้นจุดสูงสุดในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา  และคาดว่าเอสเอ็มอีจะกลับมาฟื้นตัวในปีหน้า จากเศรษฐกิจในประเทศและส่งออกที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และจะฟื้นตัวได้แข็งแรงหากราคาสินค้าเกษตรฟื้นทั่วถึง รายได้เกษตรเติบโต ทำให้กำลังซื้อและการบริโภคประชาชนดีขึ้น จะช่วยให้สินเชื่อเอสเอ็มอีขยายตัวเพิ่มเป็น ร้อยละ 4.6ส่วนสินเชื่อรวมทั้งระบบ ขยายตัวร้อยละ 5.7 ในปี 2561.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร