ไทยพุ่ง 20 อันดับ ความยาก-ง่ายประกอบธุรกิจ

กรุงเทพฯ  1 พ.ย. – ธนาคารโลกปรับอันดับความยาก-ง่ายประกอบธุรกิจ ไทยดีขึ้นจากอันดับที่  46 สู่อันดับ  26 ไทยตั้งเป้าเป็นที่ 2 ในอาเซียน



ธนาคารโลกเปิดเผยรายงาน Doing business 2018  ซึ่งเป็นการจัดลำดับความยาก-ง่ายในการทำธุรกิจ ระบุว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 26 จากทั้งหมด 190 ประเทศทั่วโลก ดีขึ้นถึง 20 อันดับจากปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่อับดับที่46 และเป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ซึ่งอยู่ในอันดับ 2 และมาเลเซียที่อยู่ในอันดับที่ 24 โดยมีคะแนนรวม 77.44 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีคะแนนรวม 72.53 คะแนน ซึ่งประเทศไทยจัดเป็น 1 ใน 10 ประเทศ ที่มีการปรับปรุงเพื่อให้เกิดความสะดวกในการประกอบธุรกิจมากที่สุดในปีที่ผ่านมา หลังการปฏิรูปของไทยดีขึ้นถึง 8 ด้านจากทั้งหมด 10 ด้าน นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของประเทศไทยในรอบ 14 ปีทั้งนี้นับตั้งแต่มีการจัดทำรายงานของธนาคารโลก


ในรายงานฉบับนี้ธนาคารโลกระบุว่าประเทศไทยมีการพัฒนาที่โดดเด่นในเรื่องการลดระยะเวลาการจัดตั้งธุรกิจ, ยกเลิกการประทับตราบริษัทในใบหุ้น, ลดกระบวนการขอใช้ไฟฟ้า, ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์, ออกกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจใหม่, เพิ่มสิทธิผู้ลงทุนรายย่อยทำให้ฟ้องร้องได้ง่ายขึ้น, สร้างความชัดเจนของโครงสร้างการบริหารระหว่างความเป็นเจ้าของกับการควบคุม กำกับบริษัท, ตรวจสอบภาษีโดยใช้โปรแกรมบริหารความเสี่ยงมาคัดเลือกบริษัทที่มีความเสี่ยงสูง, ลดอัตราภาษีการโอนทรัพย์สิน การใช้ระบบยื่นฟ้องทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ จ่ายค่าธรรมเนียมศาลผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์, การแก้ไขปัญหาการล้มละลายได้ง่ายขึ้น

นายอูลริค ซาเกา ผู้อำนวยการธนาคารโลกประเทศไทย มาเลเซียและความร่วมมือในภูมิภาค กล่าวว่า ประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างมากจากการปฏิรูปการประกอบธุรกิจในปีที่ผ่านมา ปีนี้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 26 และสามารถไต่ขึ้นมาติดอยู่ในกลุ่ม 15 ประเทศที่ทำให้การประกอบธุรกิจง่ายขึ้น นับว่าประเทศไทยบรรลุเป้าหมายสำคัญ การปรับปรุงที่สำคัญ คือ ประเทศไทยยกเลิกข้อบังคับที่ต้องมีตราประทับของบริษัท และยกเลิกขั้นตอนการขออนุมัติจากกรมแรงงานในการส่งกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของบริษัท ดังนั้น การเริ่มต้นธุรกิจจึงใช้เวลาเพียง 4.5 วัน เมื่อเทียบกับ 27.5 วัน เมื่อปีก่อน


ส่วนประเทศที่ได้อันดับ 1 คือ นิวซีแลนด์ อันดับ 2 สิงคโปร์ และอันดับ 3 คือ เดนมาร์ก

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กล่าวว่า ประเทศไทยมีเป้าหมายจะให้อันดับขึ้นมาเป็นที่ 2 ของอาเซียนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ( ปี 2560-2564) โดยปี 2561 รัฐบาลมีแผนที่จะปรับปรุงบริการอีกหลายเรื่อง เช่น การกำหนดค่าธรรมเนียม การจดทะเบียนธุรกิจเป็นอัตราคงที่ การลดค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับหลักประกันธุรกิจ การขยายฐานการชำระแบบอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงานประกันสังคม และการพัฒนาระบบ E-filing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยื่นแบบและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลของกรมสรรพากร

“การปรับปรุงที่มีนัยสำคัญต่อการปรับอันดับอย่างก้าวกระโดดในปีนี้คือ การปลดล็อคข้อจำกัดด้านกฎหมาย โดยมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 21/2560 เรื่องการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2560 ซึ่งความสะดวกในการประกอบธุรกิจในหลายเรื่อง” นายทศพร กล่าว 

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีผลการจัดอันดับดีขึ้น 6 ด้าน ได้แก่ ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ จากอันดับ 78 ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 36 ด้านการขอใช้ไฟฟ้า จากอันดับที่ 37 มาอยู่ที่อันดับ 13  ด้านการได้รับสินเชื่อ จากอันดับที่ 82 มาอยู่ที่ 42 ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุนเสียงข้างน้อย  จากอันดับ 27 มาเป็นอันดับที่ 16 ด้านการชำระภาษี  จากอันดับที่ 109  มาอยู่อันดับที่ 67 ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง จากอันดับที่ 51 มาอยู่อันดับที่ 34 ในขณะที่มีบางด้านแม้อันดับจะไม่ดีขึ้นแต่มีค่าคะแนนที่สูงขึ้น ซึ่งธนาคารโลกถือว่ามีการปฏิรูป ได้แก่ด้านการจดทะเบียนที่ดิน จากค่าคะแนนที่ 68.34 มาอยู่ที่ค่าคะแนน 68.75 และด้านการแก้ไขปัญหาล้มละลายซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในตัวชี้วัดย่อ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มพาลูก-เมียกลับจากฉลองวันเกิด รถยางระเบิดเสียหลักชนเสาไฟ ดับ 3 สาหัส 2

พ่อแม่ลูก 5 คน กลับจากฉลองวันเกิด รถกระบะยางระเบิดเสียหลักหมุนชนอัดเสาไฟฟ้า พ่อและแม่พร้อมลูกคนโตเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกคนกลางและคนเล็กอาการสาหัส

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

ข่าวแนะนำ

“อัศนี” ประกาศชัยชนะนายกเล็กเชียงใหม่ หลังนับคะแนนผ่านไป 78%

เชียงใหม่ 11 พ.ค. – “อัศนี บูรณุปกรณ์” ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย ประกาศชัยชนะ หลังนับคะแนนผ่านไปกว่า 78% ทิ้งห่างคู่แข่งจากพรรคประชาชน 4,000 คะแนน นายอัศนี บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ จากพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้สนับสนุน ต่างปรบมือแสดงความดีใจ หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการผ่านไปเกินร้อยละ 78 ได้คะแนนกว่า 17,000 คะแนน ทิ้งห่างนายธีรวุฒิ แก้วฟอง จากพรรคประชาชน กว่า 4,000 คะแนน พร้อมประกาศชัยชนะ โดยขอบคุณทุกคะแนนเสียง รวมทั้งพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าชัยชนะครั้งนี้มาจากความใกล้ชิดประชาชนในพื้นที่ ยืนยันเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ไม่ใช่เก้าอี้ที่สืบทอดของบ้านใหญ่บูรณุปกรณ์ แต่มาจากการทำงานใกล้ชิดประชาชนจนมีความเชื่อมั่น ยืนยันพร้อมเดินหน้านโยบายเร่งด่วนใน 100 วันแรก เร่งป้องกันปัญหาน้ำท่วม เพราะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เมื่อถามว่า หนักใจกับการถูกร้องเรียนหลังเลือกตั้งหรือไม่ นายอัศนี ยืนยันว่า ทีมงานของตนมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และพร้อมจะดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป.-713-สำนักข่าวไทย

เฮลั่น “ธัญญก้าวหน้า” ชนะยกทีม เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี

ปทุมธานี 11 พ.ค. – นับคะแนนเสร็จสิ้นแล้วอย่างไม่เป็นทางการ เลือกตั้งเทศบาลธัญบุรี จ.ปทุมธานี “นายกเบี้ยว” ประกาศลั่น “ธัญญก้าวหน้า” คว้าชัยชนะยกทีม “ยุพเยาว์” นั่งนายกเทศมนตรี ส่วน “ลูกพีช” ได้เป็น สท. -สำนักข่าวไทย

กกต.พอใจภาพรวมเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ

11 พ.ค. – กกต.พอใจภาพรวมการเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หวังมีผู้มาใช้สิทธิตามเป้า 70% พร้อมกำชับ จนท.ขานคะแนนให้ชัด และเตรียมแผนเผชิญเหตุกรณีฝนตก-ไฟดับ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจดูการใช้สิทธิของประชาชน ในการใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี พื้นที่เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่สถานการณ์ทั่วประเทศที่ได้รับรายงานพบบางจังหวัดมีข่าวซื้อเสียงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ไม่พบตามที่มีการแจ้ง และไม่น่าจะส่งผลกระทบให้ต้องเลือกตั้งใหม่ ประธาน กกต. เผยในการเลือกตั้งตรวจดูตามหน่วยเลือกตั้ง ได้กำชับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเรื่องการนับคะแนน เพื่อหลีกเลี่ยงการร้องเรียนว่าขานคะแนนไม่ชัด หรือไม่ได้ยิน แสงสว่างน้อย จึงขอให้ขานคะแนนช้าๆ ชัดๆ เพื่อไม่ให้ผู้สังเกตการณ์เกิดความสงสัย และหากมีฝนตกก็ต้องมีแผนเผชิญเหตุ โดยเฉพาะหากไฟฟ้าดับ ส่วนผู้ใช้สิทธิจะมากกว่าครั้งที่แล้ว โดยครั้งนี้ตังเป้าไว้ร้อยละ 70 เพราะดูจากการมาใช้สิทธิตลอดทั้งวันเป็นไปด้วยความคึกคัก แต่ในแต่ละจังหวัดจะไม่เท่ากัน ขณะที่การนับคะแนน หลังปิดการลงคะแนนเมื่อเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง โรงเรียนหัวหินวิทยาคม ซึ่งมี 6 หน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่แจ้งหมดเวลาปิดการลงคะแนน และเริ่มการนับคะแนนทันที โดยเป็นการนับคะแนนนายกเทศมนตรี และมานับคะแนนสมาชิกสภาเทศบาล ท่ามกลางตัวแทนผู้สมัครมาเฝ้าสังเกตการณ์ สำหรับการเลือกตั้งเทศบาลมีจำนวน 2,463 แห่ง และหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]