นนทบุรี 23 ต.ค. – พาณิชย์เร่งหาตลาดรองรับผลผลิตสินค้าเกษตรทั้งในและต่างประเทศ เน้นจัดระบบห่วงโซ่อุปทานตลาดภายในให้เข้มแข็ง เพื่อต่อยอดไปสู่การส่งออก
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกันจัดทำแผนการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรสำคัญ ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มน้ำมัน เพื่อรองรับการกระจายผลผลิตสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ เน้นจัดทำแผนการตลาดสำหรับผลผลิตแต่ละจังหวัด ตลอดห่วงโซ่อุปทาน และจัดเวทีเจรจาซื้อขายสินค้าระหว่างเกษตรกรกับผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ มั่นใจว่าสามารถหาตลาดรองรับสินค้าเกษตรให้ทันท่วงที โดยเฉพาะช่วงที่ผลิตผลออกสู่ตลาดพร้อมกัน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้ามีเสถียรภาพดีขึ้น จากการที่สินค้าเกษตรมีความอ่อนไหวง่ายต่อข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะผลกระทบเชิงจิตวิทยา กระทรวงพาณิชย์จึงกำชับให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศติดตามสถานการณ์ผลผลิตระดับพื้นที่อย่างใกล้ชิดและบริหารจัดการการรับซื้อตลอดห่วงโซ่อุปทานให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
นางอภิรดี กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์เชื่อมโยงตลาดสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ระหว่างเกษตรกร – ผู้รวบรวม (หรือผู้ใช้) – โรงงานอาหารสัตว์ ในรูปแบบของ “โมเดลไตรภาคี” โดยเป็นการจับคู่เชื่อมโยงผลผลิตระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในพื้นที่ ส่งผลให้เกษตรกรขายผลผลิตราคาสูงขึ้น ขณะที่ผู้รับซื้อจะได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพราคาต่ำกว่าตลาดทั่วไป โดยดำเนินการไปแล้ว 14 จังหวัด อาทิ น่าน นครสวรรค์ ลำพูน กาญจนบุรี และกำแพงเพชร มีปริมาณรับซื้อรวมกันกว่า 151,000 ตัน สำหรับแนวทางบริหารจัดการมันสำปะหลัง กระทรวงพาณิชย์เชื่อมโยงผู้เลี้ยงปศุสัตว์ภายในจังหวัดกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในรูปแบบของมหาสารคามโมเดล เพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มและสร้างช่องทางการจัดจำหน่าย ลดปัญหาการเอารัดเอาเปรียบ เน้นวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วยอีกทางหนึ่ง ขณะนี้มี 15 จังหวัดนำโมเดลนี้ไปดำเนินการแล้ว อาทิ มหาสารคาม นครราชสีมา กำแพงเพชร อุดรธานี และลำพูน ส่งผลให้เกิดปริมาณรับซื้อรวมกันกว่า 253,000 ตัน
ส่วนการหาตลาดใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง กระทรวงพาณิชย์มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศจัดคณะเดินทางไปตุรกีและสามารถบรรลุข้อตกลงซื้อขายมันสำปะหลังอัดเม็ดกับผู้นำเข้าตุรกีได้ถึง 900,000 ตัน มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท สำหรับการหาตลาดรองรับข้าวที่จะออกเดือนพฤศจิกายน นี้ กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเชิญนักธุรกิจจากทั่วโลกมาเจรจาซื้อขายข้าวระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งขณะนี้มีผู้ซื้อ 169 บริษัท จาก 24 ประเทศตอบรับแล้ว อาทิ จีน ฮ่องกง แคนาดา สหรัฐอเมริกา ยุโรป แอฟริกา ซาอุดิอาระเบีย และอาเซียน
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมขยายการเชื่อมโยงตลาดข้าวสีภายใต้แนวทางการตลาดนำการผลิต เพื่อเพิ่มปริมาณและขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศระยะยาว ข้าวสีที่ได้รับความนิยมปัจจุบัน อาทิ ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวหอมมะลิดำ (หอมนิล) และข้าวไรซ์เบอรี่ ล้วนมีศักยภาพการส่งออกสูงและเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ โดยจะเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสี – โรงสีของกลุ่มเกษตร/โรงสีของวิสาหกิจชุมชน – สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย/สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ซึ่งจะนำร่องพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อุบลราชธานี สุรินทร์ และศรีสะเกษ ก่อนขยายผลไปยังจังหวัดอื่น ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ทุกภูมิภาคทั่วโลกเร่งจัดกิจกรรมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์และคุณประโยชน์ข้าวสีของไทย ซึ่งดำเนินการอยู่แล้วให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นโดยเร็ว.-สำนักข่าวไทย