กรุงเทพฯ 12 ต.ค.- รวบขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หลอกผู้เสียหายด้วยกลอุบายต่างๆ ผ่านแอพพลิเคชั่นของหน่วยงานรัฐ ที่ปลอมขึ้น ก่อนโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อตรวจสอบพบความเสียหายแล้วกว่า 60 ล้านบาท
พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รักษาราชการแทน เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง ร่วมกับ พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รองผู้บังคับการปราบปราม ,ตำรวจภูธรภาค 6 ,กรมสรรพากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ แถลงจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ผู้ต้องหา 8 คน มีทั้งคนไทยและจีน หลังศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาร่วมขบวนการ ทั้งหมด 49 คน สอบสวนสารภาพว่ามีการหลอกโอนเงินจริง
คดีดังกล่าว สืบเนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่ ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายทั่วประเทศ ว่า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้โอนเงิน โดยมีทั้งการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ในลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำหลายส่วน และจะใช้แอพลิเคชั่นไลน์ เฟสบุ๊ค หลอกประชาชน หรือ จะอ้างมีไปรษณีย์ของผู้เสียหายค้างส่ง ตรวจสอบมีบัญชีหลายเล่ม เงินสด และพบพัวพัวกับการฟอกเงิน ให้ผู้เสียหายถอนเงิน และโอนเงินให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบ แต่เมื่อโอนเงินไปพบว่าไม่ใช่บัญชีของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ การสร้าง ปลอมไอดี LINE ของหน่วยงานภาครัฐหลอกลวง โดยพบความเสียหายเกิดขึ้นทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2553 รวม 64 คดี สร้างความเสียหายแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท
พลตำรวจตรีรมย์สิทธิ์ กล่าวว่า คดีนี้ ตำรวจได้ออกหมายจับผู้กระทำผิดได้ แล้ว 49 คน เป็นหมายจับตามภาพวงจรปิด 5 คนต่างชาติชาวไต้หวัน จีน มาเลเซีย 20 คนส่วนที่เหลืออีก24 คนเป็นคนไทยที่ถูกว่าจ้างให้เปิดบัญชี
ส่วนหัวหน้าขบวนการ เป็นคนไทยที่ร่วมกับชาวต่างชาติ ตำรวจรู้ตัวแล้วอยู่ระหว่างติดตามจับกุม พร้อมฝากเตือนประชาชน ผู้รับจ้างเปิดบัญชีให้กับกลุ่มผู้ก่อเหตุจะต้องถูกดำเนินคดี ฐานร่วมกันฟอกเงิน มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่1ปี-10ปี หรือปรับตั้งแต่ 2หมื่น ถึง 2 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับด้วย ส่วนการขยายผลตรวจค้นบริษัทของผู้ต้องหา 3 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยึดเอกสาร และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการกระทำผิดเป็นจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย