ประจวบคีรีขันธ์ 19 ต.ค.- “ยายชุบ ยอดแก้ว” วัย 76 ปี ชาวกุยบุรี จะมาร่วมถวายความอาลัยที่ศาลากลางจังหวัดประจวบฯ พร้อมถ่ายทอดความปลื้มปีติที่สุดจากพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ช่วยรอดชีวิตเมื่อ 46 ปีที่ผ่านมา หลังเรื่องราวถูกแชร์โซเชียลมาแล้ว
นายกิตติ พัฒนเจริญ ประชาสัมพันธ์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า วันที่ 21 ต.ค.นี้ ได้เชิญนางชุบ ยอดแก้ว อายุ 76 ปี ชาวบ้านคุ้งโตนด ต.เขาแดง อ.กุยบุรี มาร่วมแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อถ่ายทอดความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น แม้เรื่องราวจะผ่าน 46 ปี แต่ยังจารึกอยู่ในดวงใจตลอดมา โดยก่อนหน้านี้เรื่องราวของนางชุบ ถูกนำไปแชร์ทางโซเชียล “จากยายชุปถึงในหลวง ฉันอายตัวเองว่าในขณะที่ท่านให้ชีวิตใหม่กับเรา แต่เราช่วยอะไรพระองค์ท่านไม่ได้เลย” ในบทความดังกล่าวนางชุบ เล่าว่า เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2513 ได้ไปรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรบ้านคุ้งโตนด ขณะนั้นนางชุบ ปวดท้องมาก เป็นมานานกว่าครึ่งเดือน ไม่รู้ว่าจากอาการไส้ติ่ง เดินไม่ไหวและไม่มีเงิน แต่อยากไปรับเสด็จฯ จึงมีคนหามใส่เกวียนไป ขณะนั้นน้ำแห้ง เรือเครื่องไม่มี ขณะมารับเสด็จฯ อาการก็เริ่มไม่สู้ดี และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทอดพระเนตรมาพอดีสังเกตความผิดปกติว่าหน้าซีดนั่งพิงเพื่อน พระองค์ตรัสถามอาการ และให้แพทย์ตามเสด็จฯ มาตรวจอาการพบว่าไส้ติ่งกำเริบหนัก เมื่อความทราบถึงพระกรรณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงรีบเสด็จฯ มาจากเชิงเขาที่พระองค์ไปทอดพระเนตรพื้นที่ และทรงรับสั่งว่า “เดี๋ยวเราจะกลับทาเรือ ให้นำคนไข้ไปส่งก่อน” จากนั้นก็ถูกนำตัวไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ก่อนประตูจะปิดได้มองลงมาข้างล่าง พระองค์ทรงโบกพระหัตถ์ยิ่งทำให้ซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
“ถ้าไม่มีในหลวงวันนั้นต้องตายแน่ หมอบอกว่าถ้ามาช้า 2 – 3 นาทีก็ไม่รอดแล้ว ชีวิตทุกวันนี้ฉันแก่แล้ว แต่เมื่อถึงวันนั้นทีไรรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ทุกที ตอนนั่งดูโทรทัศน์เวลาเห็นท่านก็จะนั่งพนมมือตลอด รู้สึกว่าท่านได้มอบชีวิตใหม่ให้เรา ขณะที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า เพชรบุรี ต้องนอนพักนานถึง 24 วัน ปกติคนเป็นไส้ติ่ง 3–4วันก็หายแล้ว ซึ่งพระองค์ทรงมีพระเมตตาให้นอนพักรักษาตัวในห้องพิเศษ คนใกล้ชิดพระองค์ท่านก็ถามเราว่าจะฝากสิ่งใดถึงพระองค์ท่านหรือไม่ เราบอกให้พระองค์ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ พูดได้แค่นั้น มันตื้นตันจนนึกไม่ออก และตอนที่ออกจากโรงพยาบาล ได้พระราชทานเงินมาช่วยเหลือ 1 ปี เรารู้เพราะว่าใส่ซองสีขาวประทับตราสำนักพระราชวัง”
นางชุบ กล่าวว่า เมืองไทยโชคดีมีพระมหากษัตริย์พระผู้ประเสริฐยิ่ง ไม่มีกษัตริย์ที่ไหนในโลกอีกแล้วที่จะเป็นห่วงพสกนิกรเพียงนี้ ทุกวันนี้ยังน้อยใจตัวเองอยู่ว่า เวลาที่พระองค์ประชวร เราไม่มีเงินไปเฝ้า ไปถวายความจงรักภักดีกับท่าน ได้แต่ร้องไห้อยู่กับบ้าน ดูข่าวทุกวันไม่เคยเว้น.-สำนักข่าวไทย