กรุงเทพฯ 7 ต.ค.-“สมชัย” โพสต์เฟซบุ๊ค ชี้กรรมการสรรหา กกต. สเปคมหาเทพออกฤทธิ์ ส่งผลได้ตัวแทน 3 องค์กรอิสระที่ไม่มีความรู้ด้านเลือกตั้งมาทำหน้าที่ร่วมสรรหา กกต.ชุดใหม่ ซ้ำส่อขาดคุณสมบัติ เหตุพ้นตำแหน่งข้าราชการการเมืองไม่ถึง 10 ปี ยันไม่มีเจตนาตีรวน แต่ต้องการชี้ให้เห็นจุดอ่อนการเขียนกฎหมายของ กรธ.
วันนี้ (7 ต.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวถึงการประชุมคณะกรรมการสรรหา กกต.ชุดใหม่ นัดแรก เมื่อวานนี้ (6 ต.ค.) ที่มีนายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานการประชุม เกี่ยวกับบุคคลซึ่งองค์กรอิสระแต่งตั้งให้มาทำหน้าที่ร่วมเป็นคณะกรรมการสรรหาตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 217 ประกอบมาตรา 203 (4) โดยระบุว่ากรรมการสรรหาองค์กรอิสระ สเปคมหาเทพออกฤทธิ์ ตนเคยให้ความเห็นว่ากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เขียนรัฐธรรมนูญกำหนดคุณสมบัติคนที่จะมาเป็นองค์กรอิสระขั้นเทพ แถมยังกำหนดคุณสมบัติกรรมการสรรหาให้สูงขึ้นอีก เรียกว่าขั้นมหาเทพ กล่าวคือ ห้ามเป็นข้าราชการ ห้ามทำธุรกิจ ห้ามประกอบวิชาชีพอิสระ ต้องพ้นจากตำแหน่งข้าราชการการเมืองไม่น้อยกว่า 10 ปี ไม่เคยปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ในองค์กรอิสระมาก่อน ฯลฯ ซึ่งสเปคดังกล่าวจะเป็นปัญหา คือไม่สามารถหาคนมาทำหน้าที่ดังกล่าวได้โดยง่าย หรือถ้าได้มา ก็จะเป็นอดีตข้าราชการที่เกษียณในกรม หรืองานที่ไม่เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง เช่น เคยเป็นอธิบดีในกระทรวงเกษตร และเคยพูดเล่นว่าจะได้อธิบดีกรมหม่อนไหม กรมการข้าว มาเป็นกรรมการสรรหา
“เมื่อวานนี้ เห็นรายชื่อกรรมการสรรหา กกต.แล้ว ปรากฏว่าในฟากรายชื่อของตัวแทนจากองค์กรอิสระ 3 ท่าน ท่านหนึ่งเป็นศาสตราจารย์จาก ม.เกษตร. ท่านหนึ่งเป็นอดีตอธิบดีกรมการข้าวและกรมหม่อนไหม อีกท่านหนึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านนิติศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผมเชื่อว่าด้วยความรู้ความสามารถและประสบการณ์ ท่านทั้งสามจะสามารถทำหน้าที่เป็นกรรมการสรรหาได้อย่างดีและเที่ยงธรรมแม้ว่าอาจไม่มีประสบการณ์ตรงในด้านการเมืองการปกครองก็ตาม” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องติดตาม คือ การกำหนดคุณสมบัติขั้นมหาเทพ จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานหรือไม่ โดยเฉพาะในเรื่องการพ้นจากตำแหน่งข้าราชการการเมืองไม่น้อยกว่า 10 ปี เพราะเห็นว่ามีคนหนึ่งเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ โดยพ้นจากตำแหน่งไม่ถึงสิบปี และเรื่องการไม่เคยปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ในองค์กรอิสระ เพราะมีความเป็นไปได้ที่ผู้ที่เคยเป็นอาจารย์ในคณะนิติศาสตร์ อาจเคยได้รับแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการในองค์กรอิสระหนึ่งใดในช่วงชีวิตที่ผ่านมา การขาดคุณสมบัติ ทำให้จำนวนกรรมการสรรหา เหลือเพียงแค่กรรมการที่มีคุณสมบัติครบ แต่ไม่ทำให้กระบวนการสรรหาหยุดชะงัก
“ดังนั้นสิ่งที่ผมนำเสนอจึงไม่ใช่การตีรวนกระบวนการสรรหา กกต. แต่เป็นการชี้ให้เห็นจุดอ่อนของการกำหนดคุณสมบัติกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ ที่ กรธ.เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ เผื่อว่าอนาคตอาจมีการแก้ไขให้เหมาะสมต่อไป” นายสมชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย