11 ธ.ค. – อาจารย์เฉลิมชัย ขอบคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ที่รับปากจะดูแลภาพ อย่างไรก็ตาม ขอเดินทางไปดูภาพด้วยตัวเอง และจะซ่อมให้ฟรี และระหว่างนี้ห้ามใครไปแตะเนื้อภาพ หรือนำภาพไปใส่กรอบกระจกเด็ดขาด
ความคืบหน้ากรณีอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ผู้สร้างสรรค์ศิลปะวัดร่องขุ่น ออกมากล่าวถึงกรณีภาพ “ทรงพระเมตตาต่อไพร่ฟ้าผู้ทุกข์ยาก” ซึ่งวาดขึ้นเพื่อมอบให้กับทางราชการและมีการนำไปติดตั้งที่ศาลากลางจังหวัดแพร่ เมื่อปี 2542 หรือเมื่อ 17 ปีก่อนร่วมกับศิลปินต่างๆ ที่วาดมอบให้กับศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศเนื่องในวโรกาสในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระชนมายุ 72 พรรษา และอาจารย์เฉลิมชัย ระบุว่าได้ไปพบภาพดังกล่าว ถูกนำไปประดิษฐานไม่สมพระเกียรติยศ รวมถึงมีรอยฉีก และมีมูลสัตว์กว่า 10 จุด ซึ่งเมื่อเห็นแล้วรู้สึกทนไม่ได้ ต้องออกมาตำหนิผู้ที่ดูแลรักษาอย่างดุเดือด
อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ได้รับคำชี้แจงจากผู้ว่าฯ แพร่ ซึ่งเดินทางไปตรวจสอบด้วยตัวเองพร้อมเหล่าศิลปิน โดยบอกว่า ภาพมีการชำรุดเล็กน้อย และจะนำกรอบกระจกมาใส่ รวมถึงจะขอคำปรึกษาจากอาจารย์เฉลิมชัยว่า จะซ่อมแซมบูรณะภาพได้อย่างไรบ้าง
ล่าสุด อาจารย์เฉลิมชัย ได้ออกมากล่าวว่า เมื่อเรื่องราวข่าวแพร่ออกไปได้มีผู้บริหารจากศาลากลางจังหวัดแพร่ ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับตน และบอกว่า ผู้ว่าฯ แพร่ รับจะดูแลภาพให้เป็นอย่างดีก็ต้องขอขอบคุณ แต่หากจะมีการซ่อมแซมภาพ ขอแจ้งว่าจะเดินทางไปดูและซ่อมแซมให้ด้วยตัวเอง เพราะมีความละเอียด ไม่ให้ผู้ใดแตะต้องเนื้อภาพ ซึ่งใช้เทคนิคสีอะคริลิคบนผ้าใบ หรือรีบนำไปใส่ในกรอบกระจกอย่างเด็ดขาด โดยหากซ่อมที่จังหวัดแพร่ได้ก็จะซ่อมเลย แต่หากไม่ได้ก็จะยกกลับมาที่จังหวัดเชียงราย แล้วค่อยส่งกลับคืน ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทุกอย่างยืนยันจะเป็นผู้ออกเองทั้งหมด ทางราชการไม่ต้องจ่ายหรือเป็นห่วง พร้อมขอฝากถึงทุกจังหวัดช่วยกันดูแล เพราะภาพที่วาดควรเทิดทูนและผู้วาดต่างก็เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงทั้งหมดจึงมีความสำคัญและล้ำค่า แต่หากว่าแม้แต่ภาพของผมซึ่งถือว่ามีชื่อเสียงยังเป็นอย่างนี้แล้วก็น่าหวาดหวั่นภาพของคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
สำหรับภาพดังกล่าวมีความกว้าง 178 คูณ 148 ซม. ซึ่งอาจารย์เฉลิมชัยระบุว่าเป็นภาพที่ตั้งใจวาดที่สุดและรักมากที่สุด เพราะวาดขึ้นหลังจากตนได้เข้าถวายงานในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยการวาดภาพหนังสือพระราชนิพนธ์พระมหาชนกและเป็นแรงบันดาลใจให้สร้างวัดร่องขุ่นอีก 2 ปีต่อมา รูปแบบภาพเป็นพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงการทรงเป็นเทพที่มีกายทิพย์ที่ลงมาโปรดประชาชนซึ่งตกอยู่ในน้ำที่มีปลาซึ่งหมายถึงความทุกข์ยาก มีสัญลักษณ์ปีเถาะ ซึ่งเป็นปีพระราชสมภพ ดอกบัวหมายถึงทรงทศพิธราชธรรม มีดอกมณฑาโปรยเปรียบเหมือนโครงการต่างๆ ที่ช่วยเหลือประชาชน เช่น การเกษตร เขื่อน และมีสรวงสวรรค์อยู่เบื้องหลัง. -สำนักข่าวไทย