ทำเนียบฯ 3 ต.ค.- ครม.รับทราบแนวทางการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ด้วยการลดอัตราภาษีสรรพสามิต
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบแผนดำเนินการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ผ่านมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างอุปทาน โดยกระทรวงการคลัง ได้ออกประกาศกระทรวง การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน ได้รับการลดอัตราภาษีสรรพสามิตจากอัตราปกติกึ่งหนึ่งและรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ ลดอัตราภาษีสรรพสามิตจากอัตราปกติเหลือร้อยละ 2 ด้านมาตรการสนับสนุนการผลิตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยอยู่ระหว่างการดำเนินการ ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างยกร่างประกาศกระทรวง เพื่อยกเว้นอากรให้สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และร่างประกาศกรมศุลกากร เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และพิธีการศุลกากร
ด้านมาตรการกระตุ้นตลาดภายในประเทศ สำนักงบประมาณ อยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับการจำหน่ายรถยนต์นั่งไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ที่จำหน่ายในประเทศไทย ขณะนี้มีแผนจะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ 3 ยี่ห้อ คือ Nissan Leaf / Tesla และ FOMM ขณะที่กระทรวงการคลัง โดยบริษัทการท่าอากาศยาน จำกัด (มหาชน) อยู่ระหว่างรอให้สัญญาเช่ารถยนต์ ลีมูซีน ฉบับเก่าที่จะหมดในเดือนมีนาคม 2561 โดยบริษัทเตรียมจะพิ่มปริมาณรถยนต์ไฮบริดปลั๊กอินและรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ ในส่วนที่เพิ่มมากขึ้นในสัญญาเช่ารถยนต์ ขณะที่กระทรวงพลังงาน ยื่นเสนอขอจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2561 เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการนำรถยนต์สี่ล้อรับจ้าง (แท็กซี่) เพื่อมาปรับเปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพื่อต่อยอดต่อไป
หลังจากช่วงที่ผ่านมาได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ออกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วน และอุปกรณ์ เพื่อส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ รถโดยสารไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ กิจการสถานีบริการชาร์ตแบตเตอรี่ เป็นต้น จากนั้น บอร์ดบีโอไอ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ได้เห็นชอบให้บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ขยายกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดกำลังการผลิตปีละ 70,000 คัน การผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ประมาณ 70,000 ชิ้นต่อปี และชิ้นส่วนยานยนต์ประมาณ 9.1 ล้านชิ้นต่อปี ด้วยเงินลงทุนรวม 19,016 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย