ครม.ไฟเขียวปรับ 2 เท่ากรณีปล่อยมลภาวะ

ทำเนียบฯ 3 ต.ค.-ครม.เห็นชอบแก้ไขกฎหมายสิ่งแวดล้อม คุมเข้มปล่อยมลภาวะ เพิ่มบทลงโทษจ่าย 2 เท่าของความเสียหายต่อมลภาวะ 


นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ…. หลังกฎหมายฉบับเดิมบังคับใช้มานานถึง 25 ปี ด้วยการแก้ไขสาระสำคัญให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน  โดยย้ายกองทุนส่ิงแวดล้อม จากเดิมสังกัดกระทรวงการคลัง ย้ายไปอยู่ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ด้วยการหารายได้เข้ากองทุนผ่านการออกใบอนุญาต การศึกษา EIA  การจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ปล่อยมลภาวะตามที่กำหมายกำหนด เช่น หากปล่อยมลภาวะเกินกฎหมายกำหนดเสียค่าปรับ 10,000 บาทต่อตันมลภาวะ โดยจะออกฎหมายจัดเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เพื่อนำเงินกองทุนสำหรับเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาคเอกชนปล่อยมลภาวะ นอกจากนี้ยังกำหนดบทลงโทษเพิ่มเติม ด้วยการจ่ายชดเชย 2 เท่าของค่าเสียหายจากการสร้างมลภาวะที่เกิดขึ้น และจ่ายเงินชดเชยให้กับภาครัฐสำหรับค่าขจัดมลภาวะและส่ิงแวดล้อม เมื่อส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตรวจร่างแล้วจะเร่งเสนอ สภา สนช.พิจารณาภายใน 1 ธันวาคม 60 

นอกจากนี้ยังเห็นชอบนำเงินบริจาคเข้ากองทุนยุติธรรม หักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินบริจาค และไม่เกินร้อยละ 10 เมื่อรวมกับเงินบริจาคด้านการศึกษา สำหรับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสำหรับการต่อปี  เพื่อนำเงินช่วยเหลือรายย่อยเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมในการสู้คดีด้านต่างๆ เพื่อต้องขึ้นศาล ด้วยการให้ชาวบ้านยื่นขอความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม 


นายณัฐพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบแก้ไขเพิ่มเติมแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ด้วยการกำหนดเงื่อนไขชัดเจนว่าเงินคูปองช่วยเหลือเอสเอ็มอีจากอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน ด้วยการให้เอสเอ็มอีผู้รับการช่วยเหลือนำคูปองใช้ไปซื้อประกันความเสี่ยง หากเป็นผู้นำเข้าให้ใช้คูปองสำหรับซื้อเลือก FX Option สำหรับการซื้อสกุลเงินตราต่างประเทศ ส่วนผู้ส่งออกให้เลือก FX Option สำหรับการขายสกุลเงินตราต่างประเทศ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อไม่ให้นำคูปองไปใช้เก็งกำไรจากเงินตราต่างประเทศ 

หลังจากได้ช่วยเหลือ ส่งเสริมความรู้ให้กับเอสเอ็มอีในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน วเงิน  500 ล้านบาท เฟสแรก นำร่อง 150  ล้านบาท มอบหมายให้ ธปท. เอสเอ็มอีแบงก์ เอ็กซิมแบงก์ สมาคมธนาคารไทย ตระเวนจัดสัมมนาทั่วประเทศ เพื่อให้ความรู้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อแจกคูปองให้กับ SME ผู้เข้าอบรม จำนวน 30,000 บาทต่อราย เพื่อใช้เป็นส่วนลดค่าธรรมเนียมในการประกันความเสี่ยงจากสถาบันการเงิน  เนื่องจากเห็นว่าเอสเอ็มอีต้องมีต้นทุนสูงในการป้องกันความเสี่ยง เพื่อให้ใช้คูปองในช่วง 11 เดือน ครบกำหนด 30 มิ.ย.61.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง