กรุงเทพฯ 2 ต.ค.- กองปราบรับมอบรถยนต์สมรรถนะสูง เพื่อใช้ในขบวนเสด็จและภารกิจถวายความปลอดภัยพระบรมวงศานุวงศ์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในเดือนตุลาคมนี้
พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานรับส่งมอบรถยนต์สมรรถนะสูงจำนวน 11 คัน เพื่อใช้ในภารกิจการรักษาความปลอดภัยในขบวนเสด็จฯ และภารกิจถวายความปลอดภัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรและพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ และบุคคลสำคัญ ตามพระราชกรณียกิจต่างๆ
พันตำรวจเอกไมตรี ฉิมเฉิด รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า รถยนต์ที่รับมอบเพื่อใช้ภารกิจ ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อเมซีเดสเบนซ์ รุ่น S500 จำนวน 8 คัน และรุ่นGLE500 จำนวน 3 คัน เพื่อใช้แทนรถยนต์ยี่ห้อ BMW ที่หมดสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีระยะเวลาในสัญญาเช่าเป็นเวลา 5 ปี เพื่อใช้ในภารกิจสำคัญการถวายความปลอดภัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระเจ้าหลานเธอฯ ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นความปลาบปลื้มของตำรวจกองบัญชาการสอบสวนกลางทุกนาย ที่ได้รับโอกาสปฏิบัติงานถวายความปลอดภัยดังกล่าว โดยยืนยันว่าตำรวจทุกนายมีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ และได้รับการฝึกฝนทบทวนความรู้ในการรักษาความปลอดภัยร่วมกับหน่วยทหาร และหน่วยความมั่นคง โดยเฉพาะภารกิจสำคัญงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในเดือนตุลาคมนี้
ด้านพันตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้กำกับการกองกำกับการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า รถยนต์ทั้ง 11 คันนี้ เป็นรถยนต์สมรรถนะสูงเพื่อใช้ตามสภาพภารกิจต่างๆ โดยเฉพาะรถรุ่นGLE500 ที่เตรียมนำไปใช้ในภารกิจการถวายความปลอดภัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ขณะที่ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อเสด็จไปทอดพระเนตรความเป็นอยู่พสกนิกรและเยี่ยมชมโครงการหลวงต่างๆ ที่จะมีเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันรถจำนวนดังกล่าวยังมีภารกิจในการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จตลอดช่วงพระราชพิธีในเดือนนี้ รวมถึงใช้ในการอารักษาความปลอดภัยพระราชอาคันตุกะ ที่จะมาเข้าร่วมในพระราชพิธีด้วย
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความพร้อมในการถวายการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ในวันพรุ่งนี้ตำรวจชุดถวายอารักขาความปลอดภัยจะมีการนำกำลังไปฝึกซ้อมการอารักขาบุคคลสำคัญ ที่ค่ายนเรศวร อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นเวลา 10 วัน ร่วมกับตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เพื่อทบทวนแนวการการฝึกอารักขาความปลอดภัย ให้สอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน.-สำนักข่าวไทย
