รัฐสภา 30 ก.ย.-กรธ.ประชุมนัดพิเศษพิจารณาร่างกม.ลูกว่าด้วย ป.ป.ช.วันสุดท้ายก่อนส่งให้ป.ป.ช.พิจารณา 2 ต.ค.นี้ เตรียมพิจารณาร่างกม.ลูกการได้มาซึ่ง ส.ว.ต่อ ย้ำยกร่างทั้งหมดได้ทันกรอบเวลา
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยก่อนการประชุมกรธ. นัดพิเศษวันนี้ (30 ก.ย.) ว่า กรธ.จะพิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาดหรือตกหล่น โดยจะพยายามพิจารณาให้แล้วเสร็จในวันนี้ ก่อนส่งกลับให้คณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาในวันจันทร์ที่ 2 ตุลาคมนี้ โดยให้เวลาคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่กรธ.จะส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาต่อไป
“ส่วนสถานภาพการคงอยู่ของกรรมการป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน จะเป็นการรีเซตคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยกำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดปัจจุบันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญดำรงตำแหน่งอยู่ต่อไป แต่ผู้ที่ขาดคุณสมบัติต้องพ้นจากตำแหน่ง ส่วนสนช.จะพิจารณาปรับแก้อย่างไรในชั้นกรรมาธิการ ก็เป็นดุลยพินิจของสนช. ทั้งนี้ กรธ.จะแถลงให้ทราบข้อสรุปของร่างพ.ร.ป.ป.ป.ช.ในวันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม” ประธานกรธ. กล่าว
นายมีชัย กล่าวว่า เมื่อกรธ.พิจารณาร่างพ.ร.ป.ป.ป.ช.เสร็จสิ้น กรธ.จะเริ่มยกร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งวุฒิสภา (ส.ว.) ต่อ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานเท่าร่างพ.ร.ป.ป.ป.ช. แต่จะยากตรงขั้นตอนการเลือกกันเองและการกำหนดให้ ส.ว. มาจาก 20 กลุ่มอาชีพที่ยังไม่ได้ข้อสรุปตายตัว แต่เชื่อว่าการกำหนดให้มีที่มาจาก 20 กลุ่มอาชีพนั้นครอบคลุมแล้ว
“ยืนยันว่าการยกร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ในช่วงเวลา 2 เดือนสุดท้ายก่อบครบกำหนด 240 วันได้แล้วเสร็จทันตามกรอบเวลา โดยกรธ.มีกำหนดร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ให้เสร็จภายในเดือนตุลาคม ก่อนส่งให้สนช.พิจารณาในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ ส่วนร่างพ.รป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จะเริ่มยกร่างหลังจากร่างพ.ร.ป.การได้มาซึ่ง ส.ว.เสร็จสิ้น โดยมีกำหนดต้องส่งร่างให้สนช.ในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ เนื่องจากในวันที่ 1 ธันวาคมนี้จะครบกำหนด 240 วันที่ กรธ.ต้องยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้งหมดให้แล้วเสร็จ” ประธานกรธ. กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายมีชัย ยังคงปฏิเสธให้ความเห็นเรื่องการขอลี้ภัยของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจากการถูกรัฐประหารโดยให้เหตุผลว่า ไม่มีความรู้ในเรื่องดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย
