สปส. 29 ก.ย.-ผล 3 ครั้ง เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูประบบบำนาญประกันสังคม นายจ้าง-ลูกจ้างผู้ประกันตน-นักวิชาการ ส่วนใหญ่หนุนขยายอายุรับบำนาญชราภาพจาก 55 ปีเป็น 60 ปี สปส.เตรียมนำข้อมูลศึกษาวิเคราะห์ ก่อนเสนอแนวทางปฏิรูประบบบำนาญชราภาพให้มีประสิทธิภาพและยึดประโยชน์สูงสุดของผู้ประกันตน
นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงแผนการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นการปฏิรูประบบบำนาญประกัน สังคมที่มีกำหนดจัดขึ้นทั้งหมด12 ครั้งทั่วประเทศ ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2560 ขณะนี้ดำเนินการจัดประชุมไปแล้ว 3 ครั้ง คือนนทบุรี พระนครศรีอยุธยาและเชียงใหม่ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ ผู้ประกันตน นายจ้าง ผู้แทนภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ประมาณ 1,500 คน โดยข้อสรุปที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในแต่ละครั้ง สะท้อนถึงการสนับสนุนแนวทาง การปฏิรูประบบบำนาญชราภาพในหลายมิติ
‘3 ครั้งที่ผ่านมาผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับ การขยายอายุรับบำนาญชราภาพจาก55 ปีเป็น60ปีเพื่อให้ผู้ประกันตนมีระยะเวลาการออมเพิ่มขึ้นและเห็นว่าควรขยายอายุรับบำนาญชราภาพด้วยวิธีการสมัครใจมากกว่าใช้วิธีบังคับ ส่วนทางเลือกในการขยายอายุการรับสิทธิ ยังมีความเห็นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการคงแนวทาง การรับสิทธิบำนาญชราภาพเมื่ออายุครบ 55ปี หรือการขยายอายุรับบำนาญชราภาพตามหลักสากล และขยายอายุรับบำนาญขั้นต่ำเฉพาะผู้ประกันตนรายใหม่ เป็นต้น’เลขาธิการ สปส.กล่าว
นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ยังเห็นด้วยกับการปรับสูตรการคำนวณบำนาญจากค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย เป็นการคำนวณจากค่าจ้างเฉลี่ยตลอดอายุการทำงานโดยปรับมูลค่าของค่าจ้างแต่ละปีให้เป็นมูลค่าปัจจุบันก่อนนำมาเฉลี่ย ซึ่งจะทำให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ได้รับเงินบำนาญชราภาพต่อเดือนเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับสูตรเดิม นอกจากนี้ผู้ประกันตนส่วนใหญ่ยังยินดีให้หักบำนาญส่วนหนึ่งเป็นเบี้ยประกันสุขภาพเพื่อให้รับสิทธิประกันสุขภาพต่อเนื่องหลังพ้นจากการเป็นผู้ประกันตน
ด้านนางนิยดา เสนีย์มโนมัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านประกันสังคม สปส. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ด้านโครงสร้างประชากรของไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไปและเป็นที่แน่ชัดว่าในปี 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ สปส.ได้ติดตามสถานการณ์พร้อมศึกษาวิเคราะห์ข้อเสนอแนวทางการปฏิรูประบบบำนาญกองทุนประกันสังคม โดยความร่วมมือจากนักวิชาการองค์การแรงงานระหว่างประเทศ(ILO)คณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการประกัน สังคม โดยมีข้อเสนอเพื่อพัฒนาสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์สูงสุด 3 ประเด็น
1. การขยายอายุเกิดสิทธิรับบำนาญชราภาพ มีแนวทางในการพิจารณา 4 แนวทาง ได้แก่ แนวทางที่ 1 คงอายุการรับสิทธิบำนาญชราภาพไว้ที่ 55 ปี เงื่อนไขและเงินบำนาญแบบเดิม(ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ)แนวทางที่ 2 ขยายอายุการมีสิทธิรับบำนาญตามหลักสากล (60 ปี) และมีสิทธิได้รับบำเหน็จชดเชย หากไม่สามารถทำงานจนถึงอายุที่มีสิทธิรับบำนาญได้ (สำนักงานประกันสังคมอาจกำหนดสิทธิประโยชน์พิเศษช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น การทยอยปรับเพิ่มอายุ การมีสิทธิรับบำนาญไว้ล่วงหน้า)
แนวทางที่ 3 ขยายอายุการเกิดสิทธิรับบำนาญตามหลักสากล (60 ปี) และสามารถเลือกรับสิทธิประโยชน์บำเหน็จไปส่วนหนึ่งก่อนครบอายุรับบำนาญ แต่เมื่อครบอายุเกิดสิทธิรับบำนาญจะได้รับบำนาญในจำนวนที่ลดลงและแนวทางที่ 4 ขยายอายุรับบำนาญขั้นต่ำ(60 ปี)เฉพาะผู้ประกัน ตนใหม่ สำหรับผู้ประกันตนปัจจุบันสามารถเลือกรับสิทธิประโยชน์บำเหน็จไปส่วนหนึ่งก่อนครบอายุรับบำนาญแต่เมื่อครบอายุเกิดสิทธิรับบำนาญจะได้รับบำนาญในจำนวนที่ลดลง
2. เพิ่มสิทธิประโยชน์การประกันสุขภาพต่อเนื่องแก่ผู้รับบำนาญ โดยผู้รับบำนาญสามารถเลือกรับการประกันสุขภาพต่อเนื่องหลังออกจากการเป็นผู้ประกันตนได้และยินยอม ให้สำนักงานประกันสังคมหักบำนาญส่วนหนึ่งเป็นเบี้ยประกันสุขภาพ
3. การปรับปรุงค่าจ้างเฉลี่ยสูตรใหม่เพื่อใช้ในการคำนวณบำนาญชราภาพ ทำให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 ได้รับสิทธิประโยชน์ต่อเดือนสูงขึ้นจากสูตรฐานเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ที่ใช้ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ สปส.จะนำข้อเสนอดังกล่าวไปนำเสนอในเวทีการรับฟังความคิดเห็นเรื่องการปฏิรูประบบบำนาญประกันสังคม ทั้ง 12 ครั้ง ระหว่างเดือนก.ย.– พ.ย.2560 เพื่อให้ผู้ประกันตน นายจ้างและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับรู้และเข้าใจตลอดจนสนับสนุนแนวทางการปฏิรูประบบบำนาญชราภาพ ที่จะให้ประโยชน์ตอบแทนสูงสุดแก่ผู้ประกันตน ขณะเดียวกันสร้างเสถียรภาพให้กับกองทุนประกันสังคมในระยะยาว .-สำนักข่าวไทย