กทม.29 ก.ย.- โฆษกศาลยุติธรรมเผย กฎหมายคดีอาญานักการเมืองบังคับใช้วันนี้ ให้สิทธิ”ยิ่งลักษณ์”ยื่นอุทธรณ์แต่ต้องมาเอง ส่วนการนับอายุความย้อนหลังคำพิพากษา อยู่ที่การตีความข้อกฎหมาย
นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจงหลังกฎหมายคดีอาญานักการเมือง มีผลบังคับใช้วันนี้(29 ก.ค.)ว่า คดีที่จำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จะต้องมาแสดงตนต่อศาลหรือไม่ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจาณาคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 61 บัญญัติชัดเจน”กรณีจำเลยไม่ได้ถูกคุมขัง เป็นผู้อุทธรณ์ จำเลยจะยื่นอุทธรณ์ได้ต่อเมื่อมายื่นแสดงตนด้วยตัวเอง มิฉะนั้นศาลจะมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ทำให้คดีนั้นถึงที่สุด และเข้าสู่กระบวนการบังคับโทษตามคำพิพากษา รวมถึงคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว หากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประสงค์จะยื่นอุทธรณ์ต้องมายื่นด้วยตนเอง หากไม่ ศาลจะไม่รับอุทธรณ์เป็นอันว่าคดีถึงที่สุดแล้ว ส่วนการอุทธรณ์ นางสาวยิ่งลักษณ์สามารถอุทธรณ์ได้ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานใหม่เหมือนรัฐธรรมนูญฉบับเดิม รวมถึงสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย ภายใน 30 วัน แต่จำเลยต้องมายื่นคำร้องเอง ส่วนการนับอายุความ ตามกฎหมายคดีอาญานักการเมือง จะไม่นับอายุความกรณีจำเลยหลบหนีคดีระหว่างพิจารณา หรือหลังศาลมีคำพิพากษา โดยมาตรา 25 วรรค 2 บัญญัติไว้ว่า กรณีผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาคดีของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนี รวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ กรณีมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลย แต่ถ้าจำเลยหลบหนีระหว่างต้องคำพิพากษาให้ลงโทษ ก็ไม่ให้นำบทบัญญัติในมาตรา 98 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เรื่องอายุความล่วงเลยการลงโทษมาใช้บังคับ
นายสืบพงษ์ ย้ำด้วยว่า บรรดาการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้บังคับใช้แล้วนั้น จากนี้เรื่องอายุความที่เกี่ยวกับจำเลยหลบหนีระหว่างการพิจารณาหลังศาลพิพากษาต้องปฏิบัติตาม มาตรา 25 แน่นอน แต่คดีที่เกิดขึ้นก่อนวันที่กฎหมายนี้ใช้บังคับ เป็นเรื่องที่นักกฎหมายจะต้องตีความกันต่อไปว่า กรณีนี้จะใช้บทบัญญัติ ตามมาตรา 25 หรือไม่ หรือจะถือเป็นเรื่องของอายุความ เป็นกฎหมายที่ใช้ย้อนหลังไม่ได้หรือไม่.-สำนักข่าวไทย
