กรุงเทพฯ 20 ต.ค. – พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานด้านการพัฒนาไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พร้อมเยี่ยมชมศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ โดย กฟผ.และ ปตท.ยกระดับความเข้มข้นในการรักษาความปลอดภัยหน่วยงานทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา พลเอกอนันตพร เข้าเยี่ยมชมการทำงานของศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า เพื่อตรวจสอบความพร้อมของระบบทั้งกรณีระบบไฟฟ้าปกติและกรณีฉุกเฉินอีกด้วย
รมว.พลังงาน กล่าวด้วยว่า ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการสถานีกักเก็บและแปลงสภาพก๊าซธรรมชาติเหลวแบบลอยน้ำ (FSRU) ซึ่ง กฟผ.มีแผนสร้างคลัง LNG 3 ล้านตัน เพื่อใช้สำหรับโรงไฟฟ้าพระนครใต้ เครื่องที่ 1 – 2 กำลังผลิตชุดละ 1,300 เมกะวัตต์ และรัฐบาลให้ศึกษาเพิ่มอีกจำนวน 2 ล้านตัน เพื่อใช้สำหรับโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ และโรงไฟฟ้าเอกชนที่ต้องการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ภายในเดือนธันวาคม 2559
นอกจากนี้ กฟผ.ได้ให้ข้อมูลปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าและการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่–เทพา ซึ่งเลื่อนไปจากแผนเดิมออกไปอีก 2 ปี พร้อมทั้งหารือถึงแนวทางการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนของ กฟผ.ที่ขอเพิ่มสัดส่วนในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ให้สูงขึ้นอีกประมาณ 1,500 – 2,000 เมกะวัตต์ (ในสัดส่วนที่เหลืออยู่ 7,000 เมกะวัตต์) สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกให้มากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
ส่วนด้านสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ กฟผ. ในภาพรวมมีปริมาณน้ำทั้งหมดร้อยละ 67 ของความจุ เป็นปริมาณน้ำใช้การได้ ร้อยละ 48 ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ยกเว้นภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “ราอี” และร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทยตลอดช่วง ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนต่าง ๆ ของ กฟผ.เพิ่มขึ้น ที่เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนสิรินธร และเขื่อนจุฬาภรณ์ ทำให้มีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับการปลูกข้าวนาปรังในฤดูแล้งปี 2559/2560
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. กล่าวว่า หน่วยงานของกลุ่ม ปตท.ทั่วประเทศได้เพิ่มความเข้มข้นด้านการปลอดภัยขึ้น 1 ระดับ ซึ่งเป็นไปตามแผนงานของรัฐบาล ซึ่งเมื่อเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงสำคัญใด ๆ ก็ต้องเพิ่มการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ก็ไม่มีเหตุการณ์ที่บ่งบอกจะเกิดความวุ่นวายแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย