สธ.21 ต.ค.-กรมสุขภาพจิตห่วงเด็ก ผู้สูงอายุ เศร้านานกว่าทุกกลุ่ม แนะชวนทำกิจกรรมสร้างสรรค์ รวมถึงคืนรายการเด็ก แม่บ้านให้คนแก่เพราะไม่มีพิษภัย ส่วนคนเห็นต่างในโลกโซเชียลและป่วน ให้มองอย่างสงสารเป็นคนไม่รู้กาลเทศะ อย่าไปตอบโต้ ให้คิดถึงน้ำพระทัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์สุขภาพจิตของคนไทยจากความโศกเศร้าต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า จากการติดตามสภาวะสุขภาพจิต พบว่า บางส่วนมีแนวโน้มดีขึ้น คาดว่าภาวะความโศกเศร้าจะเป็นเช่นนี้ไปอีก 1 เดือน แต่สิ่งที่น่าเป็นกว่ากลุ่มคน 2 กลุ่มที่จะมีภาวะโศกเศร้านาน ได้แก่ เด็กและผู้สูงอายุ เนื่องจากเด็กยังเป็นวัยที่ต้องการความเอาใจใส่ แต่ขณะนี้พ่อแม่บางส่วน อาจสนใจแต่ข่าว ร้องไห้ทุกข์เศร้าหากเป็นเด็กเล็กมากอาจไม่มีความเข้าใจ เพียงพอ อีกทั้งรายการโทรทัศน์ก็ไม่มีรายการเด็กทำให้เด็กอาจรู้สึกความสนใจในตัวเองน้อยลง ไม่มีสิ่งบันเทิงเกิดขึ้น
นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ส่วนในผุ้สูงอายุ ต้องเข้าใจว่าเป็นกลุ่มคนที่เติบโตมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของประเทศ จากการเห็นพระราชกรณียกิจ นานานัปการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีให้มากกว่า 70 ปี จึงมีความผูกพันลึกซึ้งมาก ความเศร้าโศกย่อมมีมากและการแสดงออกก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องหากเวลาผ่อนคลาย และดึงไปกิจกรรมอื่น ประกอบกับผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีรายการโทรทัศน์เป็นเพื่อนเมื่อไม่มีรายการอื่น จึงอาจผูกติดกับความเศร้าได้ง่าย
นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า หากผ่านพ้นรัฐพิธีควรเร่งคืนรายการของเด็กและผู้สูงอายุให้กลับมาปกติ อาจเป็นช่วงเช้า กลางวันและเย็นเพราะรายการเด็ก หรือรายการแม่บ้าน ไม่มีพิษภัย และครอบครัวจะเพิ่มความใส่ใจหันมาถือโอกาสทำกิจกรรมร่วมกัน ด้วยจิตอาสาหลากหลาย ขณะเดียวกันสื่อมวลชนก็ควรเลือสัมภาษณ์ประชาชนที่ดูมีความหวังมิใช่หดหู่จมความทุกข์ เช่น จะนำพระองค์เป็นแบบอย่าง น้อมนำพระบรมราโชวาท ซึ่งเป็นไปในทางบวกสร้างสรรค์ ไม่ใช่สัมภาษณ์แบบไม่เห็นทางออก
นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า จากการสำรวจสุขภาพจิตคนไทยที่เดินมาถวายสักการะพระบรมศพและแสดงความอาลัยที่พระบรมมหาราชวังมีแล้วกว่า 300,000 คน มีเพียงแค่ 1,000 คน ที่มีความผิดปกติ หรือคิดเป็นร้อยละ 1 พร้อมชวนคนไทยลดความขัดแย้งหลังจากเกิดความเห็นต่างในโซเชียล ที่อาจสร้างความไม่สบายใจในสังคม โดยให้มองว่าเป็นคนไม่รู้กาลเทศะ ไม่รู้ควรไม่ควรในภาวะสูญเสียและให้คิดถึงแต่น้ำพระทัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีแต่ความสามัคคีไม่มีความรุนแรง สังคมช่วยได้ด้วยการไม่ส่งต่อข้อความ ไม่ใช่ว่าจะชอบใจหากมีคนรุมว่าคนกลุ่มนี้หรือแชร์ข้อความต่อเพราะต้องการประณาม -.สำนักข่าวไทย