บุรีรัมย์ 22 ต.ค.-เกษตรกรชาว อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณในหลวงที่ทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทานสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ อ.กระสัง เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมราษฎรเมื่อปี 2522 ทำให้ราษฎรมีน้ำอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร มีอาชีพเลี้ยงครอบครัวจนถึงปัจจุบัน
นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทาน จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชทานมาทรงเยี่ยมราษฎร ที่ ต.บ้านปรือ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2552 พระองค์ทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างฝายและอ่างเก็บน้ำ เพื่อแก้ปัญหาความแห้งแล้งขาดแคลนน้ำในพื้นที่ จากนั้นกรมชลประทานได้ดำเนินการสำรวจและก่อสร้างอ่างเก็บน้ำตามพระราชดำริ จำนวน 3 แห่ง ในปี พ.ศ. 2524 คือ อ่างเก็บน้ำบ้านหนองปรือ,อ่างเก็บน้ำบ้านตาราง และอ่างเก็บน้ำหนองกุดใหญ่ และก่อสร้างฝายลำน้ำชีอีก 1 แห่ง แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2533 ซึ่งถือเป็น 4 โครงการแรกที่ดำเนินการตามแนวพระราชดำริ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎร ทำให้เกษตรกรมีน้ำทำการเกษตร เลี้ยงสัตว์ ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เลี้ยงครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น และอยู่อย่างมีความสุขจนถึงปัจจุบันนี้
ผู้อำนวยการโครงการชลประทาน จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า นอกจาก 4 โครงการแรกที่ก่อสร้างในพื้นที่ อ.กระสัง หลังจากที่พระองค์ทรงเสด็จครั้งนั้นแล้ว ต่อมากรมชลประทานก็ได้ดำเนินการก่อสร้างอ่างและฝายตามพระราชดำริในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดบุรีรัมย์ รวม 57 โครงการ เพื่อให้ชาวบ้านและเกษตรกรได้มีน้ำอุปโภคบริโภค และทำการเกษตรได้อย่างเพียงพอจนถึงทุกวันนี้ จากอดีตที่เคยถูกกล่าวขานว่าเมืองบุรีรัมย์ตำน้ำกิน
ด้านนายช่วง สมอ่อน อายุ 62 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านกะนัง ต.บ้านปรือ อ.กระสัง กล่าวว่า ด้วยน้ำพระทัยและพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล ดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชดำริให้ก่อสร้างฝายและอ่างเก็บน้ำ ทำให้ชาวบ้านและเกษตรกรชาว อ.กระสัง ได้มีน้ำอุปโภคบริโภค ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และประกอบอาชีพ เลี้ยงครอบครัวได้อย่างมีความสุขมาจนถึงทุกวันนี้ ในฐานะพสกนิกรก็จะน้อมนำพระราชดำริของพระองค์ท่านดำเนินชีวิตอยู่บนความพอเพียง ทั้งจะช่วยกันดูแลรักษาฝายและอ่างเก็บน้ำที่พระองค์ทรงพระราชทานความช่วยเหลือ เพื่อให้มีน้ำกินน้ำใช้ไปจนถึงชั่วลูกหลานตลอดไปด้วย.-สำนักข่าวไทย