Dark Sky สมดุลรายได้-ระบบนิเวศดอยอินทนนท์

เชียงใหม่ 8 ก.ย. – กฟผ.ร่วมกับหน่วยงานภาคีลงนามความร่วมมือโครงการ Dark Sky เพื่อศึกษาวิจัยและส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพบนดอยอินทนนท์ เพื่อลดมลภาวะทางแสง ลดค่าไฟฟ้าที่เกิดจากการใช้หลอดไฟเพื่อการเติบโตของดอกเบญจมาศ รักษาสมดุลระบบนิเวศ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของธรรมชาติและสิ่งมีชีวิต


เมื่อเร็ว ๆ นี้  (6 ก.ย.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มูลนิธิโครงการหลวงและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ลงนามร่วมกันเพื่อศึกษาโครงการ Dark Sky บนดอยอินทนนท์ จ. เชียงใหม่


นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร รองผู้ว่าการกิจการสังคม กฟผ. เปิดเผยว่า โครงการ Dark Sky เป็นความร่วมมือของ 5 หน่วยงาน เพื่อศึกษาและวิจัยการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพื้นที่ดอยอินทนนท์ทุกมิติ ทั้งด้านการใช้พลังงานไฟฟ้า ด้านดาราศาสตร์ ด้านเกษตรกรรม ระบบนิเวศ อีกทั้งยังส่งเสริมให้เขตพื้นที่ดอยอินทนนท์เป็นเขตสงวนเพื่อท้องฟ้ายามราตรี เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของธรรมชาติและสิ่งมีชีวิต อีกทั้งเป็นการสร้างองค์ความรู้ในการใช้ไฟฟ้าแสงสว่างในภาคการเกษตรบนดอยอินทนนท์ ที่นิยมปลูกดอกเบญจมาศ ดอกไม้เศรษฐกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับชุมชน และมีการใช้แสงสว่างสำหรับการเจริญเติบโตของดอกเบญจมาศในช่วงกลางคืน  

นายบุญญนิตย์ กล่าวว่า กฟผ.ทำการทดลองเชิงเปรียบเทียบประสิทธิภาพการใช้แสงสว่างระหว่างแปลงปลูกดอกเบญจมาศที่ใช้หลอดตะเกียบ (ที่ชุมชนใช้อยู่เดิม) กับการใช้หลอด LED พบว่าการเจริญเติบโตของดอกเบญจมาศไม่แตกต่างกัน  แต่หลอดตะเกียบทำให้เกิดแสงฟุ้งกระเจิงขึ้นสู่ท้องฟ้ามากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดมลภาวะทางแสง (Light Pollution) ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ  สำหรับหลอด LED มีคุณสมบัติส่องแสงสว่างลงด้านล่างไม่ทำให้เกิดแสงฟุ้งกระเจิงบดบังความงามของดวงดาวบนท้องฟ้า  ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศให้กลับคืนตามธรรมชาติ อีกทั้งสามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ถึงร้อยละ 50 ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้า ซึ่งตอบโจทย์ภารกิจ กฟผ.ในการผลิตไฟฟ้าควบคู่กับการดูแลรักษาสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการดำเนินงานการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้าในทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ 


ทั้งนี้ การดำเนินงานจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (Demand Side Management ) ของ กฟผ.มุ่งให้การใช้ไฟฟ้าทุกภาคส่วนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กับการปลูกจิตสำนึกด้านการประหยัดพลังงานแก่ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งจากการดำเนินงานดังกล่าวจนถึงปัจจุบันส่งผลให้ประเทศประหยัดพลังงานลงได้ประมาณ 4,380 เมกะวัตต์ ลดพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 26,000 ล้านหน่วย และช่วยบรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อน ด้วยการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศลงได้ 14.8 ล้านตัน  

นายสมหวัง เรืองนิวัติศัย ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงการสนับสนุนว่า กรมอุทยานฯ มีภารกิจในการอนุรักษ์ ส่งเสริมและฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ด้วยการควบคุมป้องกันพื้นที่ป่าอนุรักษ์เดิม และพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้กลับมาสมบูรณ์ รวมทั้งการปลูกจิตสำนึกให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรท้องถิ่น เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จึงให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและสังคมชุมชน ดำเนินการลดผลกระทบในการใช้แสงสว่างส่วนเกินจากชุมชนในเขตพื้นที่ดอยอินทนนท์ ให้เป็นพื้นที่เขตสงวนเพื่อท้องฟ้ายามราตรี รวมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รักษาพื้นที่ป่าไม้ในเขตดอยอินทนนท์ให้มีความเหมาะสม และมีความสมบูรณ์เพื่อเป็นมรดกทางธรรมชาติของประเทศ

นายศรัณย์ โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวถึงการดำเนินงานว่า สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ฯ ได้นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปสู่ชุมชนและจังหวัดโดยใช้ดาราศาสตร์เป็นสื่อ รวมทั้งศึกษา วิจัย ทดลอง ให้ความรู้และความเข้าใจทางดาราศาสตร์ กระจายไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมา สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ฯ ได้มีความร่วมมือกับทั้ง 4 หน่วยงาน ในการจัดกิจกรรมทางดาราศาสตร์มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการทำบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญในการตอบสนองภารกิจการส่งเสริมด้านดาราศาสตร์ เนื่องจากดอยอินทนนท์เป็นเขตอุทยานแห่งชาติที่มีนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เข้ามาสัมผัสความเป็นธรรมชาติของดอยอินทนนท์จำนวนมาก การลงนามครั้งนี้จึงก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างคุ้มค่า เป็นพลังขับเคลื่อนกระบวนการเรียนรู้ การพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้มีความเข้มแข็ง.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

ทบ.รายงานยอดผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ เหตุปะทะชายแดนกัมพูชา

24 ก.ค.- “กองทัพบก” อัปเดตเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ประชาชนเสียชีวิต 9 ราย เป็นเด็ก 1 ราย เจ็บ 14 ราย พร้อมประณามกัมพูชา ใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การปะทะพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา อันสืบเนื่องมาจากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้าใส่ฐานทหารไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เมื่อเช้าวันนี้ (24 ก.ค. 68) ปัจจุบันกองทัพบกได้รับรายงานเบื้องต้นจากส่วนราชการในพื้นที่ว่า มีพื้นที่พลเรือนตกเป็นเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา จนทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวมถึงมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้ ทั้งนี้ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงต่อเป้าหมายพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา และพร้อมดำเนินการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและประชาชนจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมดังกล่าวอย่างถึงที่สุด -สำนักข่าวไทย

วิกฤติหนัก เมืองน่านจมบาดาล ขยายวงกว้างเกือบ 10 กม.

น่าน 24 ก.ค. – น้ำท่วมตัวเมืองน่านยังวิกฤติหนัก หลังน้ำน่านยังเพิ่มสูง บางจุดน้ำท่วมถึงชั้น 2 แล้วและขยายวงกว้างออกไปในรัศมีเกือบ 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ยังเร่งช่วยเหลือผู้คน รวมทั้งผู้ป่วยออกจากพื้นที่น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ส่งกำลังใจถึงกองทัพ เชื่อทั่วโลกประณามกัมพูชา

ฉะเชิงเทรา 24 ก.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ ส่งกำลังใจถึงกองทัพ เชื่อทั่วโลกประณามกัมพูชา เป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน ทำประชาชนบาดเจ็บ พร้อมส่งกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลเตรียมมาตรการไว้แล้ว ที่อดทนอดกลั้นเพราะไม่อยากให้เสียเลือดเสียเนื้อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางลงพื้นที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อประชุมติดตามผลการดำเนินงาน รายการค่าใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ที่ศาลาว่าการจังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกรณี รัฐบาลและกองทัพร่วมกันทำกรอบการดูแลพี่น้องประชาชนเป็นจุดยืนที่เน้นย้ำมาโดยตลอด แต่ในที่สุดฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน ซึ่งฝ่ายกัมพูชาก็อ้างว่า ฝ่ายไทยยิงก่อนเช่นเดิม แต่ในสายตาของชาวโลกนั้น เรามีเครื่องไม้เครื่องมือที่เยอะกว่า ชาวโลดจะเชื่อถือกัมพูชาคงลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ซึ่งทางนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ได้เตรียมความพร้อมอย่างดีในการดูแลพี่น้องประชาชน จากการโทรพูดคุยกันทางโทรศัพท์ เป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและมีการประชุมกันการรับมือกับอาวุธที่มีตรงชายแดนพร้อมนานแล้ว หากเทียบกับสถานการณ์ปี 54 พร้อมมากกว่า 2-3 เท่า ในส่วนของกองทัพ แน่นอนว่า ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงตั้งแต่แรกแต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วทางกองทัพเตรียมความพร้อมไว้อย่างดี สิ่งสำคัญที่จะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ ความสามัคคีของคนในชาติ สิ่งที่กองทัพและรัฐบาลพยายามมาโดยตลอดคือ ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บ คือสิ่งที่ทำมาเสมอ “เรารักคนของเราประเทศชาติของเราเรา ไม่อยากให้ใครก็ตามได้รับผลกระทบหรือความเจ็บปวดในครั้งนี้” แม้เราจะไม่ทราบว่าฝ่ายนั้นเขาคิดอย่างไรกับประชาชนของเขา แต่เราคิดกับประชาชนเราแบบนี้ เป็นสิ่งที่เน้นย้ำว่ารัฐบาลและกองทัพทำมาโดยตลอด ทั้งนี้รักษาการนายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งการให้ดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ […]

กองทัพบกประณามกัมพูชา โจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตไทย

กทม. 24 ก.ค.-กองทัพบก ประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา กรณีใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงและไร้มนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชา จากกรณีที่มีการใช้อาวุธจรวด BM-21 จำนวน 2 นัด ยิงเข้ามาในพื้นที่ชุมชนภายในศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเวลา 09.40 น. วันนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราษฎรได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งฝ่ายไทยได้ดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่โดยทันที เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมมาตรการรองรับอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะได้รายงานให้ทราบต่อไปโดยเร็วที่สุด.-313.-สำนักข่าวไทย