ยธ.6 ก.ย.-กระทรวงยุติธรรม สั่งดีเอสไอแจงเหตุผลถอนอายัด คืนรถหรูให้3 บริษัท รวม38คัน ทั้งๆที่ยังไม่ได้รับแจ้งราคาขายจริงที่จะใช้คำนวณภาษีที่ขาดหายไป พรัอมให้ส่งรายชื่อผู้อนุมัติเพื่อหาผู้รับผิดชอบ หากไม่สามารถเรียกคืนภาษีจากบริษัทผู้นำเข้าได้
แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการขอถอนอายัดรถหรูที่ดีเอสไอยึดไว้จากหลายบริษัท หลังจากนายเสรี ชินบารมี กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัทนิชคาร์กรุ๊ปได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมจากกระทรวงยุติธรรม เพราะถูกดีเอสไอสั่งอายัดรถลัมโบกินีและเฟอรารี่ รวม122 คันเมื่อเดือนพฤษภาคม ทำให้ธุรกิจได้รับความเสียหาย ซึ่งกระทรวงยุติธรรมก็ได้ชี้แจงว่าดีเอสไอทำตามทำอำนาจหน้าที่การอายัดรถของ บริษัทนิชคาร์ฯ เนื่องจากพบหลักฐานการสำแดงราคานำเข้าตามใบอินวอยซ์ของบริษัทไม่ตรงกับราคาซื้อขายที่แท้จริงที่ดีเอสไอได้รับจากต่างประเทศ ซึ่งบริษัทนิชคาร์ฯไม่ได้โต้แย้งแต่ขอให้ดำเนินการกับผู้นำเข้าทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน
แต่ล่าสุดปรากฏว่า หลังการเข้าร้องขอความเป็นธรรมจากบริษัท นิชคาร์ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอได้เซ็นต์คำสั่ง ลงวันที่ 29 ส.ค.2560 ให้ถอนอายัดรถของกลางให้กับผู้นำเข้ารถยนต์หรู 3 บริษัทประกอบด้วย บริษัทมิลเลียนแนร์ ออโต้เซล แอนด์ เซอร์วิสเซส(ประเทศไทยจำกัด)จำนวน 17 คัน) ซึ่งเป็นรถยนต์โรรอยส์ทั้งหมดและคืนรถของกลางให้บริษัทเฮอริเทจ มอเตอร์เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส(ไทยแลนด์ จำกัด) รวม 17 คัน เป็นรถแอสตันมาติน 15 คัน เฟอร์รารี่ 1 คันและแมคคาเรน 1 คัน และบริษัทดีไซด์ มอเตอร์ เวิร์ค จำกัด เป็นรถยนต์มาเซราติ 4 คัน รวมเป็น38 คัน
โดยแหล่งข่าวระบุว่า ดีเอสไออ้างว่ายังไม่ได้รับหลักฐานราคาซื้อขายที่แท้จริงจากประเทศอังกฤษจึงยังไม่สามารถประเมินราคาภาษีได้
คณะพนักงานสอบสวนประกอบด้วยดีเอสไอและพนักงานอัยการจึงมีมติร่วมกันให้คืนของกลางให้ผู้นำเข้าไปก่อน หลังจากนี้หากได้รับหลักฐานราคาที่แท้จริวจากอังกฤษแล้วพบว่ามีการชำระภาษีไม่ครบถ้วนก็สามารถเรียกคืนภาษีที่ชำระไว้ไม่ครบถ้วนกลับคืนมาได้
แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรมเปิดเผยอีกว่าหลังได้รับทราบข้อเท็จจริงกรณีคืนรถของกลางดังกล่าว จึงสั่งการให้ดีเอสไอนำมติของพนักงานสอบสวนมาชี้แจงเพื่อตรวจสอบรายชื่อผู้ที่เข้าร่วมเป็นพนักงานสอบสวนทุกราย เพื่อหาผู้รับผิดชอบในส่วนของภาษีที่ขาดหายไป ในกรณีที่ไม่สามารถเรียกคืนจากบริษัทผู้นำเข้าได้ก็จะต้องเรียกเก็บจากพนักงานสอบ สวนในฐานะผู้ลงมติให้คืนของกลาง เบื้องต้นได้รับรายงานว่าประเทศอังกฤษไม่ได้ส่งราคาซื้อขายจากโชว์รูมมาให้กับดีเอสไอแต่ส่งราคาหน้าโรงงานผู้ผลิตมาให้ตรวจสอบ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการประเมินภาษีได้เช่นเดียวกับใบอินวอยซ์ แต่ยังไม่พบว่าดีเอสไอได้ส่งราคารถตามบัญชีการนำเข้าของบริษัททั้ง 3แห่งให้กรมศุลกากรประเมินราคา.-สำนักข่าวไทย