กทม. 30 ส.ค.-เกาะติดคดีกลุ่มผู้ประกอบการรถตู้ไม่จำกัดระยะทางตกเป็นเหยื่อแก๊งลักรถตู้ติดดาวน์ไฟแนนซ์ส่งขายเมียนมา จากการสืบสวนของตำรวจกองปราบปรามพบว่าคนร้ายกล้าทำสัญญาเช่าซื้อ เพราะรู้ช่องว่างของกฎหมายดีกว่าผู้เสียหาย เมื่อถูกจับจะขอเจรจาอ้างเป็นคดีแพ่ง ขณะที่นักกฎหมายแนะต้องทำสัญญาต่อหน้าไฟแนนซ์
ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา ทีมข่าวอาชญากรรม สำนักข่าวไทย ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีกลุ่มผู้ประกอบการรถตู้โดยสารไม่จำกัดระยะทาง ไฮแอดไทยแลนด์ฯ ตกเป็นเหยื่อแก๊งลักรถติดดาวน์ไฟแนนซ์ส่งขายเมียนมา ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ นครราชสีมา พัทยา ระยอง และสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี รวมถึงศึกษาข้อมูลจากคดีหลอกขายดาวน์รถที่เกิดขึ้นอีกหลายคดี ซึ่งพบว่าคนร้ายมักมีความรู้ด้านกฎหมาย สร้างความน่าเชื่อถือด้วยสัญญาเช่าซื้อและใช้เอกสารดังกล่าวเป็นเครื่องต่อรองเจรจา เพื่อขอยอมความเมื่อถูกจับ อ้าง
การซื้อขายที่เกิดขึ้นเป็นคดีแพ่ง ส่วนผู้เสียหายเองมักต้องการแค่ค่าชดเชย หากตกลงกันได้ คนร้ายก็พ้นคุก และประวิงเวลาจ่ายค่าชดเชย ก่อนไปก่อคดีซ้ำ นำเงินมาชดใช้ผู้เสียหายแรก และจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เหมือนแชร์ลูกโซ่
นักกฎหมายระบุว่าการซื้อหรือขายรถติดดาวน์ไฟแนนซ์ทำไม่ได้ เพราะเจ้าของกรรมสิทธิ์รถตัวจริงเป็นบริษัทไฟแนนซ์ ผู้ซื้อรถคนแรกเป็นเพียงผู้เช่าซื้อเท่านั้น ยังไม่ใช่เจ้าของรถจนกว่าจะผ่อนค่างวดหมด และต้องโอนกรรมสิทธิ์ผู้ครอบครองรถจากไฟแนนซ์เสียก่อน ดังนั้น หากผู้เช่าซื้อผ่อนค่างวดต่อไม่ไหว จำเป็นต้องขาย ไม่ควรจัดการซื้อขายรถกันเอง แต่ควรเปลี่ยนสัญญาผู้เช่าซื้อกับบริษัทไฟแนนซ์ทันที เช่นเดียวกันกับการปล่อยเช่ารถก็ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นการผิดสัญญาเช่า หากเกิดรถหายขึ้นมา บริษัทไฟแนนซ์อาจแจ้งความดำเนินคดี ฐานยักยอมทรัพย์ได้ ถึงแม้มีประกันรถหาย แต่บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธความรับชอบได้
สมาชิกกลุ่มไฮแอดไทยแลนด์ฯ 5 คนนี้ ยอมรับว่าหลังรถหายไปได้แต่ทำใจกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทุกวันนี้มีสมาชิกส่วนหนึ่งถูกบริษัทไฟแนนซ์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายแล้ว จึงอยากให้กรณีของพวกตนเป็นกรณีศึกษากับคนอื่นๆ ที่คิดจะปล่อยเช่ารถ เพราะอาจตกอยู่ในสภาพเดียวกับพวกตนได้ อีกทั้งอยากให้ตำรวจเร่งติดตามผู้บงการมารับโทษทางกฎหมาย ป้องกันมิจฉาชีพกลุ่มนี้ไปตั้งแก๊งใหม่ ไปก่อความเดือดร้อนกับคนอื่นๆ อีก.-สำนักข่าวไทย