พนมเปญ 3 ก.ค.- กัมพูชาเผยได้นักกฎหมายระหว่างประเทศที่เคยช่วยให้กัมพูชาชนะคดีเขาพระวิหารกลับมาช่วยในการยื่นเรื่องพิพาทดินแดน 4 จุดเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอีกครั้ง
กัมพูชายังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการเดินหน้ายื่นเรื่องพิพาทดินแดน 4 จุดกับไทยได้แก่ บริเวณสามเหลี่ยมมรกต ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย เข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือไอซีเจ (ICJ) ล่าสุดสื่อของกัมพูชารายงานว่า นายฌอง-มาร์ค โซเรล นักกฎหมายระหว่างประเทศชาวฝรั่งเศสที่เคยช่วยให้กัมพูชาชนะคดีพื้นที่โดยรอบปราสาทเขาพระวิหารเมื่อปี 2556 กลับมาช่วยคดีอีกครั้ง หลังจากที่กัมพูชาได้ยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการต่อ ICJ ไปเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา
คณะผู้แทนทนายความระหว่างประเทศเดินทางถึงกัมพูชาเมื่อเย็นวันอังคารเพื่อหารือเกี่ยวกับการยื่นฟ้องคดีต่อ ICJ นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาประกาศผ่านสื่อโซเชียลในวันเดียวกันว่า ได้พบปะกับนายโซเรลเพื่อหารือเรื่องการเดินหน้ากระบวนการนำข้อพิพาทขึ้นสู่การพิจารณาของ ICJ และระบุว่า นายโซเรลเป็นสมาชิกคนสำคัญของทีมที่ปรึกษาทางกฎหมายและทนายความซึ่งช่วยให้กัมพูชาชนะการตีความคำตัดสินของศาลโลกกรณีพื้นที่โดยรอบปราสาทเขาพระวิหารเมื่อปี 2556 หลังจากที่ศาลเคยมีคำตัดสินเมื่อปี 2505 ว่าตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา
นอกจากนี้นายฮุน มาเนตยังได้กล่าวขณะเข้าร่วมงานแห่งหนึ่งว่า การแสวงหาข้อยุติในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเป็นกลไกสันติภาพที่ดีที่สุดทั้งต่อไทยและกัมพูชา เนื่องจากกลไกดังกล่าวรับประกันได้ว่า เพื่อนบ้านทั้งสองจะยังคงเป็นมิตรและร่วมมือกันต่อไปไม่ว่าผลการตัดสินของศาลจะออกมาอย่างไร เพราะรัฐบาลสามารถนำคำตัดสินของศาลไปอธิบายให้ประชาชนทราบเกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐบาล รวมถึงการถอนทหารออกจากพื้นที่ขัดแย้งตามคำตัดสินของศาล
ด้านนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาได้เข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพรมแดนที่ติดกับเวียดนามในจังหวัดไพรแวง ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ชายแดนกัมพูชา-เวียดนามส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับเวียดนามต่อไป โดยเน้นย้ำว่า “เพื่อนบ้านที่ดีเปรียบเหมือนทองคำ แต่เพื่อนบ้านที่เลวเปรียบเหมือนทุ่นระเบิด” นายฮุนเซนกล่าวว่า พรรคประชาชนกัมพูชาได้ดูแลความสัมพันธ์กับเวียดนามมาอย่างยาวนาน เช่นเดียวกับการรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตกับลาว แต่ไม่มีการกล่าวถึงความสัมพันธ์ประเทศไทย.-816(814).-สำนักข่าวไทย