กระทรวงการคลัง 30 ส.ค. – คลังเตรียมจับพฤติกรรมการใช้เงินผ่านบัตรสวัสดิการ ยอมรับเป็นเพียงการช่วยลดภาระบางส่วน แจ้งชาวบ้านตรวจสอบรายชื่อ 15 ก.ย.เป็นต้นไป หวังดึงร้านค้ากองทุนหมู่บ้านรับรูดบัตรเข้าถึงชุมชน
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า หลังจาก ครม.เห็นชอบการจัดสรรสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะนี้การผลิตบัตรสวัสดิการคืบหน้ามากจากกำลังการผลิต 400,000 ใบต่อวัน จึงเริ่มนำส่งบัตรสวัสดิการกระจายไปต่างจังหวัดตามจุดลงทะเบียนทุกสาขา ทั้งคลังจังหวัด ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานเขตในกรุงเทพฯ เพื่อเตรียมพร้อมในการแจกบัตรสวัสดิการให้กับผู้ลงทะเบียน ขณะนี้นักศึกษาลงพื้นที่ทยอยส่งข้อมูลกลับเข้ามา เพื่อตรวจเช็คความถูกต้องเพิ่มจากยอดผ่านการตรวจเบื้องต้น 11.67 ล้านคน กระทรวงการคลังจึงประกาศให้ประชาชนตรวจสอบรายชื่อตนเองว่าผ่านการตรวจคุณสมบัติหรือไม่ เริ่มวันที่ 15 กันยายนนี้ เพื่อไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปรับบัตรสวัสดิการวันที่ 21 กันยายนตามที่ตนเองลงทะเบียนผ่านแบงก์ต่าง ๆ ด้วยการนำบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมหางบัตรลงทะเบียนนำไปใช้รับบัตรสวัสดิการหรือมอบอำนาจให้ญาติไปรับบัตรแทน
สำหรับการใช้บัตรสวัสดิการเพื่อลดภาระด้านต่าง ๆ นั้น การใช้จ่ายด้านการเดินทาง รถโดยสารสาธารณะ ประกอบด้วย รถเมล์วงเงิน 500 บาทต่อเดือน ,รถไฟฟ้า วงเงิน 500 บาทต่อเดือน ระยะทางไกล รถ บขส. วงเงิน 500 บาทต่อเดือน รถไฟ วงเงิน 500 บาทต่อเดือน แต่ละวงเงินจะใช้รวมกันไม่ได้ เพราะเป็นการช่วยลดภาระเพียงบางส่วน โดยกระทรวงคมนาคมติดตั้งเครื่องรูดบัตรจุดซื้อตั๋วสำหรับการขึ้นรถไฟ ขณะที่รถเมล์จะใช้เครื่องรูดตัดวงเงินผ่านบัตรได้ในการขึ้นรถเมล์ ส่วนรถไฟฟ้าจะปรับระบบตัดวงเงินเพื่อใช้บริการขึ้นรถไฟฟ้า สำหรับผู้รายได้สูงกว่า 30,000 บาทต่อปี จ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการ 200 บาทต่อเดือน สำหรับผู้รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี จ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการ 300 บาทต่อเดือน และยังให้นำเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด วงเงิน 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน
ส่วนกำหนดการใช้เงินซื้อสินค้าครองชีพผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดนำร้านค้าเข้าร่วมโครงการและยังเตรียมดึงร้านค้าชุมชนของกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งเตรียมวางระบบเครือข่ายเชื่อมโยงกับส่วนกลาง ทำให้รับรู้ยอดสตอกสินค้าตามชุมชนและกระจายไปถึงทุกชุมชน เพื่อส่งเสริมเงินหมุนเวียนในระบบฐานราก ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเตรียมจับตาพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน ทั้งการลดค่าครองชีพ การเดินทาง เพื่อพิจารณาการใช้เงินแต่ละเดือนมาปรับปรุงเพิ่มเติม ยอมรับว่าบางคนเดินทางแต่ละเดือนน้อย บางคนเน้นการใช้จ่ายซื้อสินค้าจำเป็น เพื่อปรับการจ่ายเงินผ่านบัตรสวัสดิการเพิ่มเติม
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า การช่วยเหลือสวัสดิการระยะ 2 เพื่อจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการสำหรับผู้รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี เตรียมนำมาฝึกอบรมให้ความรู้ สร้างอาชีพตามข้อกำหนด ยอมรับว่าเงินกองทุนสวัสดิการใช้ต่อปีประมาณ 41,900 ล้านบบาท จึงเหลือประมาณ 5,000 ล้านบาท จึงต้องหาทางเพิ่มเงินกองทุนด้วยการบริจาคผ่านรัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน โดยใช้สิทธิ์บริจาคหักลดหย่อนภาษีได้ และต้องศึกษาว่าควรจ่ายเงินเข้าบัตรสำหรับคนแก่ คนพิการ หนี้นอกระบบอย่างไรบ้าง สรุปชัดเจนแล้วเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย