หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้คุณภาพสื่อจะช่วยปกป้องเสรีภาพ สนับสนุนกฎหมายสื่อดูแลกันเอง ไร้อำนาจรัฐแทรกแซง

สถาบันพระปกเกล้า 27 ส.ค.- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 9.00 น. วันนี้ (27 ส.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปร่วมเสวนาหัวข้อ บทบาทสื่อมวลชนไทยในยุคเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยภายใต้กติกาใหม่ ที่นักศึกษาหลักสูตรวุฒิบัตรความรู้ทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า จัดขึ้น


โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า หากสังคมต้องการประชาธิปไตย สื่อมวลชนก็เป็นปัจจัยสำคัญ เพื่อให้กลไกการตรวจสอบในสังคมเกิดขึ้นได้ และสื่อยังจะต้องเป็นผู้นำทางความคิด หากสื่อไม่ทำหน้าที่นี้ แต่อ้างเพียงสะท้อนสิ่งที่เป็นอยู่ สังคมก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ส่วนปัญหาของสื่อมวลชนเมื่อประมาณ 25 ปีที่แล้วจนมาถึงปัจจุบันยังวนเวียนกับปัญหา 2 เรื่อง คือ เรื่องเสรีภาพ และคุณภาพของสื่อ แต่ปัจจุบันเสรีภาพสื่อมวลชนไทย กลับอยู่ในอันดับต่ำกว่า 100 ดังนั้น เสรีภาพของสื่อจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่กลับถูกอำนาจรัฐและธุรกิจเข้ามาควบคุม คุกคาม แทรกแซง เช่น กรณีที่นักข่าวอิศรา ถูกกระบวนการยุติธรรมเข้ามาคุกคามการทำหน้าที่ตรวจสอบ และยังรวมไปถึงกรณีของนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสที่เนื้อหาต่างๆ ที่เจ้าตัวแสดงออกนั้น ไม่น่าถึงขนาดถูกกฎหมายความมั่นคงเข้ามาแทรกแซง จึงสะท้อนให้เห็นว่า สื่อมวลชนถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ

นายอภิสิทธิ์ ยังมองถึงกรณีที่รัฐบาลขอความร่วมมือสื่อมวลชนร่วมทำข่าว ครม.สัญจรว่า ไม่เชิงเป็นการแทรกแซง แต่เป็นการขอความร่วมมือที่ไม่ถูกวิธีการ พร้อมระบุถึงปัญหาของสื่อมวลชนปัจจุบัน คือ หลายสื่อมวลชน เลือกที่จะจำกัดเสรีภาพตัวเอง เพราะมีสื่อมวลชนที่ตัดสินใจยุติการนำเสนอข่าวล่อแหลม เพื่อความอยู่รอดของตนเองและผู้มีอำนาจรัฐ เพราะกลัวเกิดความขัดแย้ง แต่นายอภิสิทธิ์ มองว่า การกระทำเช่นนี้ จะทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น เพราะประชาชนจะไม่มีข้อมูลตัดสินใจที่เพียงพอมากกว่า 


นายอภิสิทธิ์ ยังแสดงความเป็นห่วงต่อเรื่องคุณภาพสื่อมวลชนว่า หากสื่อมวลชน ยังถูกสังคมมองว่าไม่มีคุณภาพ จะยิ่งทำให้สังคมไม่คิดปกป้องเสรีภาพสื่อ 

“ตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่า คนที่เรียกตัวเองว่าสื่อมวลชนนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ สื่อมวลชนมักจะรายงานเหตุการณ์ที่เกิดจากโซเชียลมีเดียเป็นส่วนใหญ่ ทั้งที่ไม่รู้ว่าใครเป็นโพสต์ด้วย ดังนั้น คำถามคือใครเป็นผู้สื่อข่าวกันแน่ ผมสงสัยที่รัฐบาลจะออกกฎหมายว่า ใครเป็นสื่อมวลชนต้องมีใบอนุญาต แล้วจะนับอย่างไรว่าใครเป็นสื่อมวลชน แล้วที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกรายการทุกวันศุกร์นั้น จะต้องมีใบอนุญาตสื่อด้วยหรือไม่” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากสื่อไม่แยกการทำข่าวกับการทำธุรกิจนั้น ทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ธุรกิจแล้ว แต่รวมถึงภาครัฐด้วย เพราะข่าวบางข่าวเป็นข่าวประชาสัมพันธ์ให้กับภาครัฐ ปัญหาต่อมาคือ สื่อจะรับผิดชอบต่อประชาชนอย่างไร และเมื่อสังคมเป็นสังคมที่แบ่งขั้ว ต่างฝ่ายต่างไม่ฟังกันมากขึ้น การที่จะให้สังคมตรวจสอบสื่อจึงเป็นไปได้ยาก แต่ยืนยันว่า กฎหมายที่รัฐบาลชุดนี้จะออกมา ตนไม่ยอมรับเรื่องการให้คนของภาครัฐเข้ามายุ่งกับสื่อ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของภาครัฐ ส่วนเรื่องใบประกอบวิชาชีพนั้น เห็นว่า ไม่สามารถทำได้ แต่หากจะไม่ให้มีกฎหมายออกมา สื่อจะตอบคำถามได้หรือไม่ว่า สื่อจะให้ความเป็นธรรมอย่างแท้จริงได้อย่างไร จึงกลายเป็นเรื่องยากที่ให้สื่อกำกับดูแลกันเอง ดังนั้น ต้องมีกฎหมายที่ออกมากำกับสื่อ มอบดาบกับสื่อมวลชน เพื่อให้การกำกับควบคุมกันเองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแต่สื่อจะต้องไม่ถูกแทรกแซงจากอำนาจรัฐ สื่อต้องจัดระบบธรรมาภิบาลของสื่อ หากสื่อคิดว่า รายงานอะไรก็ได้ วันนี้ใครรายงานอะไรก็ได้อยู่แล้ว จึงเป็นสิ่งที่น่าคิดว่า สื่อจะทำอย่างไรให้เห็นว่า คุณค่าความเป็นวิชาชีพสื่อต่างจากคนที่ไม่ใช่สื่อ 


นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ก็จะต้องมีกฎหมายดูแลสื่อ แต่ต้องแก้ปัญหาการใช้อิทธิพลของภาครัฐและธุรกิจเข้ามามีอำนาจต่อรองในสื่อ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองและสื่อมวลชน ต้องพึ่งพากันและกัน แต่ก็ยอมกันและกันไม่ได้ เพราะต่างฝ่ายต้องทำหน้าที่ของตนเอง

ด้านนายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์ไทยและประธานคณะทำงานสื่อเพื่อการปฏิรูป กล่าวว่า ข่าวต้องเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แต่ตนยอมรับความคิดของนายอภิสิทธิ์ที่เห็นว่า ทุกวันนี้สื่อตามกระแสในโซเชียลมีเดีย แต่กลับไม่มีคำถามว่า ข้อมูลนั้นเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือไม่ ขณะที่เห็นการพัฒนาของสื่อรุ่นใหม่ และเห็นการถดถอยของบางสื่อ ยอมรับเป็นห่วงเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบทบาทของโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดคำถามว่า คนยังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หรือไม่ โซเชียลมีเดียในแง่บวกก็ทำให้โลกเปิดกว้าง ทำให้คนในสังคมตระหนักว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งสื่อในกระแสหลักอีกต่อไป  ขณะที่ยอดส่งหนังสือพิมพ์ลดลงเรื่อยๆ วงการโทรทัศน์ก็เช่นเดียวกัน ในอดีตมีเพียงไม่กี่ช่อง แต่ปัจจุบันมีจำนวนมาก เชื่อว่า อีกไม่นาน ประชาชนจะอ่านหนังสือพิมพ์และติดตามข่าวทางโทรทัศน์น้อยลง แต่คนในสังคมติดตามโซเชียลมีเดียมากขึ้น 

“เมื่อสื่อแข่งขันกันมาก ก็จะมีผลกระทบกับวิชาชีพสื่อ บางสำนักข่าวยอมเป็นเครื่องมือทางการตลาด ทุกวันนี้เริ่มแยกไม่ออกกับข่าวและการโปรโมทสินค้า ผมเป็นห่วงว่า นักข่าวรุ่นใหม่จะแยกไม่ออกระหว่างการทำหน้าที่สื่อตามวิชาชีพกับเรื่องของธุรกิจ ทีวีดิจิตอลหลายช่องเริ่มไปไม่รอด มีการเทคโอเวอร์เกิดขึ้น สื่อกระแสหลักทยอยอยู่ในการควบคุมของธุรกิจรายใหญ่ 

นายเทพชัย ยังยืนยันว่า สื่อควรกำกับดูแลกันเอง ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายให้อำนาจในเชิงลงโทษกับองค์กรสื่อ เพราะมีโอกาสที่จะถูกแทรกแซงจากการเมืองได้ แตสื่อเองต้องกลับมาทบทวนบทบาทของตนเอง สังคมก็ต้องถามตัวเองว่า พร้อมที่จะมีบทบาทในการตรวจสอบและกำกับสื่ออย่างไร เพราะสุดท้ายแล้วสื่อย่อมกลัวผู้บริโภค ยอมรับว่า สังคมขณะนี้ตื่นตัวสูงมาก ถ้ามองในแง่บวก พบว่า โซเชียลมีเดียเริ่มมีบทบาทในการตรวจสอบสื่อกระแสหลักแล้ว ดังนั้น สื่อต้องแก้ไขภาพลักษณ์ในสายตาคนในสังคม และหากจะให้สื่อมีประสิทธิภาพ สังคมก็ควรตื่นตัวในการตรวจสอบสื่อเช่นกัน 

“เราคงปฏิเสธการมีกฎหมายไม่ได้ ยอมรับว่า มีจุดอ่อนที่ไม่มีอำนาจการลงโทษ องค์กรสื่อก็หนักใจ เพราะฉะนั้นการมีกฎหมาย มีการกำหนดให้ระดับการกำกับดูแลสื่อ ก็เป็นกระบวนการที่องค์กรสื่อเห็นว่าควรจะมี แต่ยังถกเถียงเรื่องการมีอำนาจกำกับดูแล แต่ไม่ใช่หน้าที่ของภาครัฐที่จะกำกับดูแลสื่อ” นายเทพชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนฝนน้อย ทะเลอันดามัน-อ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 ม.

กทม. 3 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนน้อย ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อยเนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง – สำนักข่าวไทย

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]