กรุงเทพฯ 25 ส.ค. – “สมคิด” เดินหน้าโครงการบ้านประชารัฐเพื่อผู้มีรายได้น้อย เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติ ร่วมโครงการพร้อมหารือกระทรวงการคลัง แก้ไขกฎระเบียบให้ ธอส. ดำเนินการคล่องตัวมากขึ้น
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องการให้มีการพิจารณาราคาบ้านให้กับผู้มีรายได้น้อย 11 ล้านคน ในราคาที่ต่ำตามความสามารถในการผ่อนชำระ เพราะจะทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยมากขึ้น แต่จะเป็นเท่าไรนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกระทรวงการคลัง ร่วมกันกับธนาคารอาคารสงเคราะห์และการเคหะแห่งชาติ แต่ราคาไม่จำเป็นต้องเท่ากัน เพราะฐานรายได้และความต้องการของผู้มีรายได้น้อยแตกต่างกัน ขณะเดียวการใช้ที่ดินในการก่อสร้างโครงการอาจจะเป็นทั้งที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ และของเอกชนที่พร้อมจะเข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะต้องสรุปให้แล่วเสร็จภายใน 6 เดือน
ส่วนภาคเอกชนที่จะเข้าร่วมโครงการนั้น จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับคนไทยทุกคน ซึ่งภาครัฐยังไม่ได้พิจารณาสิทธิประโยชน์ที่จะให้กับภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการว่าจะเป็นอย่างไร
ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นชัดเจน แต่ในส่วนของผู้มีรายได้น้อยยังมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่ดีขึ้นมากนัก เป็นเพราะไทยยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างรายได้ที่สะสมมานาน โดยเฉพาะการเติบโตแบบกระจุกตัว ขณะที่ชนชั้นรากหญ้ายังมีรายได้ต่ำ ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมผลักดันให้ผู้ที่มีรายได้น้อยมีรายได้สูงขึ้น ซึ่งทุกอย่างต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน โดยที่ผ่านมารัฐบาลก็มีมาตรการเข้าไปช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปีแล้ว ส่วนมาตรการอื่นๆก็ต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านฉัตรชัย ศิริไล กรรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. ยืนยันพร้อมดำเนินโครงการตามนโยบายของรัฐที่จะให้ธอส.สนับสนุนสินเชื่อดัวกล่าวอย่างเต็มที่ แต่อาจจะต้องให้กระทรวงการคลังอนุมัติการแยกบัญชีดำเนินโครงการของรัฐ หรือ PSA ด้วย โดยหลังจากนี้จะต้องไปคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระของผู้มีรายได้ แต่ในเบื้องต้นหากราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 5 แสนบาท ผู้มีรายได้น้อยจะผ่อนชำระเพียงเดือนละ 2,000 บาท ในระยะเวลา 40 ปี ซึ่งคาดว่าจะผ่อนชำระได้ แต่หากบางรายไม่มีความสามารถพอ เพราะไม่มีฐานรายได้ที่ชัดเจน เนื่องจากมีรายได้อิสระ ก็จะพิจารณาให้เช่าซื้อระยะยาว และโอนสินทรัพย์ให้ในภายหลัง และอาจจะมีการให้สิทธิประโยชน์กับผู้มีรายได้น้อยที่จองซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมบางประเภท และเงินประกันในการเข้าอยู่อาศัย
ทั้งนี้ธอส.ได้คาดการณ์ใช้วงเงินสินเชื่อโครงการนี้ไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาท แต่จะต้องหารือกับกระทรวงการคลังและภาคเอกชนว่าลักษณะการทำโครงการและราคาที่อยู่อาศัยจะเป็นอย่างไร จากนั้นธอส.จะมีแพคเกจสินเชื่อเพื่อผู้มีรายได้น้อยออกมา
สำหรับ งาน “บ้าน ธอส. เอ็กซ์โป @ กรุงเทพ” เป็นมหกรรมด้านที่อยู่อาศัยที่ธนาคารจัดขึ้นเพื่อตอบแทนลูกค้าประชาชนในโอกาสที่จะครบรอบการดำเนินงาน 64 ปีในวันที่ 24 กันยายน 2560 กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์และยกระดับคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัย ซึ่งภายในงานมีการนำสินเชื่อ Home For All อัตราดอกเบี้ย 2.90% นาน 3 ปีแรก ยกเว้นค่าธรรมเนียม 4 ฟรี ทั้งค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ค่าประเมินหลักประกันทุกวงเงินกู้ ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และค่าจดทะเบียนจำนอง 1% ของวงเงินกู้ตามสัญญากู้เงิน ซึ่ง ต้องยื่นคำขอกู้ทำและนิติกรรมภายในวันที่ 29 ธันวาคม 2560 หรือภายใต้กรอบเงิน 20,000 ล้านบาท ซึ่งยอดล่าสุด มีผู้มาขอสินเชื่อแล้วกว่า 7,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการนำบ้านใหม่ บ้านมือสอง และบ้านหลุดจำนอง ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน มาจัดโปรโมชั่น ลด-แลก-แจก-แถมถึง 70 โครงการ รวมถึงมีเงินฝากออมทรัพย์เงินเต็มบ้านดอกเบี้ยสูง 1.8 % และนวัตกรรมใหม่สาขาต้นแบบดิจิทัล Unmanned Branch จำลองรูปแบบการให้บริการลูกค้าในอนาคตของ ธอส. – สำนักข่าวไทย