เกือบสัปดาห์ยอดแจ้งเบาะแสกว่า 400ราย

กทม. 21 ส.ค.-กทม.โชว์ผลงานเกือบสัปดาห์มีผู้แจ้งเบาะแสแล้วกว่า 400ราย ได้รับรางวัลนำจับไปแล้ว 8ราย พร้อมกำชับเทศกิจทำงานโปร่งใส ยันปกปิดข้อมูลผู้แจ้งเป็นความลับ


พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสำนักเทศกิจ และหัวหน้าฝ่ายเทศกิจทั้ง 50 เขต โดยสำนักเทศกิจได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามระเบียบกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแบ่งค่าปรับที่ได้จากการเปรียบเทียบให้แก่ผู้แจ้งความนำจับ ตามกฎหมายว่าด้วยการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2560 ตั้งแต่วันที่ 15 – 20 ส.ค. ที่เปิดรับข้อมูลเบาะแสผ่านช่องทางต่างๆ พบว่า ช่องทางการแจ้งผ่านไปรษณีย์ และการแจ้งด้วยตนเองนั้น ไม่มีประชาชนใช้บริการแต่อย่างใด ช่องทาง Facebook มีประชาชนติดต่อเข้ามา 15 ราย ทางEmail จำนวน 44 ราย และช่องทาง Line มีประชาชนให้ความสนใจและติดต่อเข้ามามากที่สุด แต่ส่วนใหญ่เป็นการสอบถามข้อมูล 


ทั้งนี้ ตลอดเกือบสัปดาห์มีการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดทั้งสิ้น 434 ราย แต่มีบางส่วนที่แจ้งข้อมูลเข้ามาไม่ครบ ในส่วนที่ครบนั้น สำนักเทศกิจได้ดำเนินการแจ้งสำนักงานเขตพื้นที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินการต่อ 229 ราย โดยอยู่ระหว่างการสืบหาผู้กระทำผิด 185 คดี ทำการตักเตือน 13 คดี สั่งการให้แก้ไข 7 คดี และมีการเปรียบเทียบปรับแล้ว 24 ราย โดยมีผู้ที่ได้รับรางวัลนำจับไปแล้ว 8 ราย อยู่ระหว่างการขอรับเงินนำจับ 10 ราย และไม่ประสงค์รับเงินรางวัลนำจับอีก 6 ราย


พล.ต.ท.อำนวย กล่าวว่า การประชุมวันนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เทศกิจปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส พร้อมติดตามกวดขันการกระทำผิดอย่างใกล้ชิด และรักษาข้อมูลของผู้แจ้งให้เป็นความลับ ทั้งนี้ระเบียบฉบับใหม่เกี่ยวกับรางวัลนำจับจะลงรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติอย่างชัดเจน นอกเหนือจากที่พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดฯ ได้ระบุไว้ อาทิ การลงลายมือชื่อพร้อมพิมพ์ลายนิ้วมือในแบบขอรับรางวัลนำจับ ไม่ใช่การลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมืออย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อป้องกันการทุจริตเบิกเงินรางวัล ทั้งนี้กทม.จะร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บชน.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ขยายผลการดำเนินการให้ครอบคลุมต่อไป

สำหรับกรณีประชาชนส่วนหนึ่งยังมีความสงสัยในแนวทางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากพบเจ้าหน้าที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์บนทางเท้านั้น ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความจำเป็นของเจ้าหน้าที่ในขณะนั้น บางครั้งเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการปฎิบัติหน้าที่ หากไม่เร่งดำเนินการอาจ ก่อให้ เกิดผลกระทบต่อประชาชนส่วนมาก แต่หากพบว่าไม่มีความจำเป็นจริง เจ้าหน้าที่ก็ถือเป็นผู้กระทำผิดเช่นเดียวกัน โดยในส่วนของการเปรียบ เทียบปรับนั้นได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เปรียบเทียบปรับให้เหมาะสมกับฐานความผิด ซึ่งโครงการนี้มีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นโครงการเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สามีเข้าเกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาดับ

สลด! สามีขับรถใส่เกียร์ค้างไว้ สตาร์ทรถพุ่งชนภรรยาเสียชีวิตในบ้านพักย่านวิภาวดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเบื้องต้น นำตัวสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” เจ้าตัวปิดปากเงียบ

ตร.ไซเบอร์คุมตัว “เอ็ม เอกชาติ” ฝากขัง เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามสื่อ ด้านตำรวจพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน กว่า 30 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

นายกฯ สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือนภัย ลั่นยังไม่ได้ SMS แผ่นดินไหว

นายกฯ ลั่น จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับ SMS เตือนแผ่นดินไหว สั่งลดขั้นตอนแจ้งเตือน “กรมอุตุฯ ไป ปภ. เข้าเครือข่ายมือถือ” ไม่ต้องผ่าน กสทช. ระหว่าง รอ Cell Broadcast เต็มระบบ ก.ค.นี้

ปภ.ยันไม่มีความรู้สึกสั่นไหว ไม่ใช่ผลจากอาฟเตอร์ช็อก

ปภ.แถลงชี้แจงกรณีสถานการณ์อพยพออกจากอาคาร ยืนยันไม่มีความรู้สึกสั่นไหว ไม่ได้เป็นผลกระทบจากอาฟเตอร์ช็อก ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก

นายกฯ ติดตามภารกิจช่วยเหลือคนติดซาก สตง.ถล่ม

นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอาคาร สตง.ถล่ม ติดตามภารกิจช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ใต้ซากอาคาร พร้อมให้กำลังใจทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่

ตึกถล่มแผ่นดินไหว

72 ชั่วโมง ยังมีหวังพบผู้รอดชีวิตตึก สตง. ถล่ม

ใกล้ครบ 72 ชั่วโมงเหตุตึก สตง. ถล่ม แต่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายยังไม่ละความพยายาม และยังมีความหวังในการค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซาก