กรุงเทพฯ 21 ส.ค. – สำนักงานสลากฯ เปิดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นแก้ปัญหาสลากแพง ขณะที่ผู้ค้าสลาก- นักวิชาการเสนอทำวิจัยรอบคอบก่อนออกผลิตภัณฑ์ใหม่
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดประชาพิจารณ์เพื่อแก้ไขร่างพระราชบัญญัติ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2517 ซึ่งเปิดให้ประชาชน ผู้ค้าสลาก และสังคม ทุกภาคส่วน ได้แสดงความเห็นและแนวทางต่างๆ นำไปสู่การแก้ไขกฎหมายในการดูแลราคาสลากเกินราคา
พลตรี ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ ระบุว่า ร่างกฎหมายที่มีการปรับปรุง มี 7 ประเด็น เช่น การเพิ่มอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสลากฯเพิ่มกำหนดจำนวน ราคา รูปแบบ วิธีการจำหน่าย และการคัดเลือกตัวแทนจำหน่าย /การเพิ่มเงินรายได้เข้ารัฐ เป็นร้อยละ 20 จากเดิมร้อยละ 18 แต่ยังคงเงินรางวัลเท่าเดิม
นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการสลากฯ และโฆษกคณะกรรมการสลากฯ ระบุว่า ประเด็นสำคัญที่เปิดประชาพิจารณ์แก้ไขกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับปัจจุบัน และตามความต้องการของสังคมและประชาชน และยืนยันว่า การแก้ไขกฎหมายไม่ได้มุ่งจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ทุกด้านเป็นสิ่งที่ผู้ค้าและประชาชนเสนอมา เช่น การให้พิมพ์สลากฯเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ปัจจุบันไม่เกิน 71 ล้านฉบับต่องวด เพิ่มเป็น 100 ล้านฉบับ /การเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ในระบบ /การทำสลากรวมชุดขายเอง ซึ่งทุกแนวทางจะเป็นไปตามข้อเรียกร้องของผู้ค้าสลากรายย่อยที่ต้องการให้มีสลากฯเพียงพอต่อความต้องการ และเป็นแนวทางที่สำนักงานสลากฯเคยศึกษาไว้ แต่จะต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนถึงความเป็นไปได้ และผลกระทบทางสังคม ซึ่งจะต้องไม่เป็นการมอมเมาประชาชนด้วย
นอกจากนี้ ยังเสนอให้แก้ไขกฎหมายเพิ่มบทลงโทษ ผู้จำหน่ายสลากฯเกินราคาจากเดิมมีโทษปรับ 10,000 บาท เพิ่มโทษปรับเป็น 30,000 บาท รวมถึงเสนอให้มีการทบทวนโควตาผู้รับสลากฯ เดิม โดยเปิดให้มีการลงทะเบียนใหม่ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับสลากฯ เป็นผู้ค้าตัวจริง ไม่ใช่ให้คนทั่วไป
นายอำนวย กลิ่นอยู่ นายกสมาคมคนพิการผู้ค้าสลาก(ประทศไทย) เสนอว่า สำนักงานสลากฯควรต้องทำการวิจัยก่อนทุกด้านก่อนดำเนินการใดๆ ควบคู่กับการไม่มอมเมาประชาชน มากกว่าจะเพิ่มลงลงโทษเพียงอย่างเดียวเพราะจะไม่สามารถแก้ปัญหาสลากเกินราคาได้อย่างในปัจจุบัน โดยเฉพาะปัญหาสลากรวมชุดขาย เพราะช่วงที่ผ่านมามีผู้ถูกรางวัลทุบสถิติ 180 ล้านบาท จูงใจให้คนซื้อสลากรวมชุด เพื่อให้ได้เงินรางวัลจำนวนมาก จึงไม่สามารถจะห้ามความต้องการซื้อของประชาชนได้ และทำให้สลากรวมชุดได้รับความนิยม และมีราคาแพงสูงมาก
ดังนั้น สำนักงานต้องทำการศึกษาวิจัยอย่างรอบคอบ ทั้งความต้องการ ผลกระทบทางสังคม และประโยชน์ของผู้ค้าสลากตัวจริง เช่น การเพิ่มจำนวนสลากให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ซื้อในแต่ละช่วง /การจะเพิ่มผลิตภัณฑ์อื่น เช่น การทำหวยลอตโต้ สลากออนไลน์ เพื่อมาแข่งกับหวยใต้ดิน ที่มีมูลค่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งมองว่าการทำสลากรวมชุดขายเอง ก็จะเป็นหนึ่งแนวทางที่แก้ไขปัญหาสลากรวมชุด สลากราคาแพง แต่จะต้องทำการศึกษารอบคอบว่าจะช่วยทำให้ผู้ค้าสลากตัวจริงได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และต้องประชาสัมพันธ์ให้สังคมรับรู้อย่างชัดเจน เพราะไม่ว่าสลากจะมากหรือน้อยประชาชนก็ให้ความสนใจ แต่ต้องไม่มอมเมาประชาชน
อขณะที่นายธนากร คมกฤส ผู้อำนวยการเครือข่ายรณรงค์หยุดการพนัน ระบุว่า การแก้ไขกฎหมายสลากจะต้องคำนึงถึงปัญหาการพนัน เพราะเปิดช่องให้คณะกรรมการสามารถตัดสินในการออกผลิตภัณฑ์ในอนาคตได้ เช่น การให้รางวัลแจคพอต ที่จูงใจให้ประชาชนเล่นการพนัน ดังนั้นจึงต้องทำวิจัยผลกระทบทางสังคมรอบด้าน และปราศจากการเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมการสลากฯด้วย
รวมถึงกองทุนพัฒนาสังคม 1,000 ล้านบาท ที่จะนำมาใช้สนับสนุนการวิจัย และรณรงค์ถึงความเข้าใจการพนัน และรณรงค์การหยุดการพนัน ควรจะต้องปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯเพียงผู้เดียวในการใช้เงินในกองทุน โดยปรับปรุงให้เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลังพิจารณาการใช้เงิน เพื่อให้มีความโปร่งใสมากขึ้น
ทั้งนี้ สำนักงานสลากฯ จะนำร่างกฎหมายสลากกินแบ่งรัฐบาลใหม่ ลงในเว็บไซต์ ในช่วงกลางเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ และจากนั้นหากต้องทำประชาพิจารณ์รอบ 2 ก็จะเปิดดำเนินการ เพื่อให้กฎหมายสลากใหม่สมบูรณ์ที่สุด ก่อนนำเสนอกระทรวงการคลัง และเสนอคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. และ สนช. ให้พิจารณาตามขั้นตอน คาดว่าหากไม่มีปัญหาใดๆ กฎหมายฉบับใหม่จะบังคับใช้เดือนสิงหาคมปี 2561 – สำนักข่าวไทย
