กสิกรไทยคาดเงินบาทสัปดาห์หน้า 33.10-33.30 บาท/ดอลลาร์ฯ

กรุงเทพฯ  19 ส.ค. – เงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง กสิกรไทยคาดสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหว 33.10-33.30 บาท/ดอลลาร์ฯ ขณะที่ตลาดหุ้นคาดแนวรับ  1,535 – 1,555 จุด จับตาตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ


ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)  รายงานว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา (15-18 ส.ค.) เงินบาทแตะระดับ 33.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าสุดในรอบ 27 เดือนครั้งใหม่ หลังจากเงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจากประเด็นการเมืองภายในของสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐมีความล่าช้า ขณะที่จังหวะเวลาการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐก็มีความไม่แน่นอนมากขึ้น หลังจากบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 25-26 กรกฎาคม สะท้อนว่าเจ้าหน้าที่เฟดมีท่าทีกังวลต่อความอ่อนแอของเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ เงินบาทมีปัจจัยหนุนเพิ่มบางส่วนช่วงปลายสัปดาห์จากการกลับมาซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ โดยวันที่ 18 สิงหาคม เงินบาทอยู่ที่ 33.21 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 33.23 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา

สำหรับสัปดาห์หน้า (21-25 ส.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.10-33.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ  โดยจุดสนใจของตลาดในประเทศน่าจะอยู่ที่ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2/2560 ของไทย ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) สำหรับเดือนสิงหาคมของหลาย ประเทศ ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่-บ้านมือสอง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนกรกฎาคมของสหรัฐ รวมถึงสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรปจากงานประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสันโฮล วันที่ 24-26 สิงหาคม นอกจากนี้ นักลงทุนอาจมีจุดสนใจเพิ่มที่ประเด็นการเมืองระหว่างประเทศในช่วงการซ้อมรบระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้วันที่ 21 สิงหาคมนี้ 


ด้านดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นเล็กน้อย ดัชนีปิดที่ระดับ 1,566.53 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.33 จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ  6.49 จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 38,457.15 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 534.07 จุด ลดลงร้อยละ 0.28 จากสัปดาห์ก่อน   ส่วนสัปดาห์หน้า (21-25 ส.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,555 และ 1,535  จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,575 และ 1,585 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2560 ของไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนสิงหาคม ยอดขายบ้านใหม่และบ้านมือสอง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนกรกฎาคม ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่น ๆ อาทิ การประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสันโฮล ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนกรกฎาคมของประเทศญี่ปุ่น ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนสิงหาคมของประเทศแถบยุโรป และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2560 ของอังกฤษ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าควักหัวใจ

รวบชายชาวจีนฆ่าโหดคู่ขา กรีดหน้าอก ควักหัวใจ-ปอด

ตำรวจรวบชายชาวจีน ก่อเหตุสะเทือนขวัญฆ่าขู่ขาหมกห้องน้ำอพาร์ตเมนต์ กลางเมืองพัทยา พบร่องรอยถูกกรีดหน้าอก ควักหัวใจ ปอดหายไปข้างหนึ่ง

อุทาหรณ์! จอดรถยนต์ติดเครื่องไว้ เจอขโมยขับหนีหาย

อากาศร้อนเป็นเหตุ หนุ่มสตาร์ทเครื่องเปิดแอร์รถยนต์จอดไว้ ก่อนลงไปซื้อของ เดินออกมาอีกที เจอคนขโมยรถ ขับหนีหายไปแล้ว

ดับแล้ว 8 ราย รถชนบนมอเตอร์เวย์ อัดก๊อปปี้พังยับ

เกิดอุบัติเหตุใหญ่ช่วงกลางดึก บนมอเตอร์เวย์ สาย 7 มุ่งหน้าชลบุรี รถเทรลเลอร์ 2 คัน กับเอสยูวีอีก 1 คัน คนในรถเอสยูวี เสียชีวิต 8 ราย

ข่าวแนะนำ

ล่าโจรชิงทอง 30 เส้น กลางห้างฯ อุดรธานี

อุกอาจกลางห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี คนร้ายสวมเสื้อไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อก ควงปืนปลอมบุกเดี่ยวจี้ชิงทองคำภายในร้านทอง ได้ไปถึง 30 เส้น ตำรวจเร่งตามล่าตัว

หนุ่มจีนฆ่าโหดคู่ขา อ้าง “อยากเล่นและแกล้งศพ”

หนุ่มจีนยอมรับฆ่าสาว LGBTQ+ เพราะถูกปฏิเสธร่วมหลับนอน และถูกถีบตกเตียง จึงโมโหแล้วบีบคอจนสิ้นใจตายคามือ ก่อนอ้าง “อยากเล่นและแกล้งศพ” เลยใช้กรรไกรกรีดหน้าอก ตัดหัวใจ คว้านซิลิโคน ออกมาไว้ข้างนอก ส่วนปอดที่หายไป ยืนยันไม่ได้แตะต้อง

เกิดเหตุระเบิดที่ท่าเรือในอิหร่าน-เสียชีวิตแล้ว 18 ราย

สื่อของทางการอิหร่านรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดรุนแรง ที่อาจจะมีสาเหตุมาจากการระเบิดของวัสดุเคมี ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 18 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 700 ราย โดยเหตุระเบิดเกิดขึ้นในวันเสาร์ ตามเวลาท้องถิ่น ที่ท่าเรือบันดาร์ อับบาส ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของอิหร่าน

ประชาชนทยอยใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 8 นครศรีธรรมราช

ชาวนครศรีธรรมราช ในเขต 8 ซึ่งประกอบด้วย 4 อำเภอ คือ ฉวาง พิปูน นาบอน และช้างกลาง ทยอยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส. หลังเปิดให้ลงคะแนนตั้งแต่เวลา 08.00 น. ประธาน กกต. เผยยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง