กระทรวงยุติธรรม 26 ต.ค.-ประธาน ศอตช. เผยการตรวจสอบโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง เข้าข่ายกระทำผิดคล้ายกรณีจำนำข้าว
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.)กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการในคดีจำนำข้าวว่าในส่วนของกรมบังคับคดีจะเข้าไปดำเนินการในฐานะที่มีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบทรัพย์สิน แต่กระทรวงพาณิชย์จะเป็นหน่วยงานหลักที่ต้องดำเนินการก่อน อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนดังกล่าวจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับผู้ถูกกล่าวหาว่าจะใช้กระบวนการยุติธรรมนานเท่าใด หากใช้ระยะนานก็ต้องรอเวลาให้กระบวนการยุติธรรมเสร็จสิ้นก่อน จึงจะเข้าไปดำเนินการได้
รมว.ยุติธรรม ยังกล่าวถึงการตรวจสอบโครงการรับจำนำมันสำปะหลังว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)เข้าไปตรวจสอบแล้วเบื้องต้นบางพื้นที่มีหลักฐานเข้าข่ายการกระทำผิดคล้ายกับกรณีจำนำข้าวแต่ต้องดูรายละเอียดก่อน ยอมรับว่าเกือบทุกโครงการที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรถือเป็นโครงการที่ดี ตั้งใจช่วยเหลือเกษตรกร แต่ในทางปฏิบัติกลับมีการแอบแฝงหาผลประโยชน์ของเกษตรกร ซึ่งมีพฤติกรรมกระทำผิดใกล้เคียงกัน ทำให้ความยากจนไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเต็มที่ เพราะผลประโยชน์ไม่ได้ถึงเกษตรกรแต่กลับไปอยู่ในระบบการทุจริตแทน
พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวถึงการประสานข้อมูลและขอความร่วมมือไปยังเอกอัครราชทูตประเทศต่าง ๆประจำประเทศไทย 7 ประเทศกรณีผู้ต้องหาในคดีความผิด ม.112 ว่าแต่ละประเทศตื่นตัวและ เข้าใจสถานการณ์ รากเหง้าปัญหาและจิตใจของคนไทยมากขึ้น ถือว่าเป็นสัญญาณตอบรับที่ดีขึ้น มีการติดต่อข้อมูลกันถี่ขึ้น อย่างไรก็ตามเข้าใจว่าในกรณีดังกล่าวติดปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย แต่เชื่อว่าความเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นสิ่ง จำเป็นที่จะทำให้ปัญหาเบาบางลง ขอให้ประชาชนอย่าสนใจกับผู้ที่กระทำผิด ม.112 เพราะคนเหล่านี้มีประมาณ 10 คน ที่ออกมาเคลื่อนไหวถ้าไม่มีใครสนใจก็เชื่อว่าจะลดลง .-สำนักข่าวไทย