เตรียมออกหมายจับเพิ่มคดีฆ่าโหดฝังอำพราง 3 ศพ ที่อยุธยา

อยุธยา 16 ส.ค.-สำนักข่าวไทยยังคงเกาะติดคดีฆ่าโหด 3 ศพ กลางทุ่งนา ในพื้นที่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งวันนี้ตำรวจนำตัวมือยิงไปชี้จุดฝังศพผู้เสียชีวิตอีกรอบ เผยผู้ก่อเหตุมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 5 ล้านบาท เร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน เตรียมออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุเพิ่มอีก 2 คน


พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 นำตัวนายกริษณ์ นิ่มน้อย อายุ 46 ปี มือยิงนายสมพาล บุญสนุน นายไพรัช หอมชะเอม และนายสำรวย วงษ์อักษร เสียชีวิตรวม 3 ศพ และฝังอำพรางริมคลองกลางทุ่งนา ในพื้นที่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ชี้จุดฝังศพอีกครั้ง หลังผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือยิงผู้ตายทั้งสาม และเป็นผู้ขุดหลุมฝังอำพรางศพ พร้อมทั้งเผาทำลายทรัพย์สินของผู้ตาย โดยจุดก่อเหตุยิงอยู่ภายในกระท่อมริมน้ำ ติดกับจุดที่กลุ่มผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหาร่วมวงสังสรรค์ ซึ่งวานนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปภายใน เนื่องจากอยู่ระหว่างเก็บวัตถุพยาน โดยพบหัวกระสุน 3 หัว วันนี้ทีมข่าวสำนักข่าวไทยได้เข้าไปสำรวจภายในกระท่อม


สำหรับมูลเหตุในการฆ่าโหดครั้งนี้ เนื่องจากผู้ต้องหามีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องยาบ้าที่หายไปจำนวน 2,000 เม็ด เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม จึงโทรศัพท์นัดกลุ่มผู้เสียชีวิตมาพบเพื่อสังสรรค์ที่แคร่ริมน้ำ และให้เข้าไปในกระท่อมที่เกิดเหตุ เพื่อพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับยาบ้าที่หายไป แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมาด้วยยิงกลุ่มผู้เสียชีวิต หลังก่อเหตุได้นำร่างผู้เสียชีวิตทั้งสามลงเรือเพื่อนำไปฝัง โดยผู้ก่อเหตุได้มีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

จากการสืบสวนในเชิงลึก พบผู้ต้องหาเพิ่งพ้นโทษคดีลักทรัพย์ในพื้นที่ จ.อ่างทอง และเคยมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติดในพื้นที่ภูธรภาค 6 พิษณุโลก และเมื่อปี 2558 พบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 5 ล้านบาท ตำรวจประสาน ปส.ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และขยายผลไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง


เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และร่วมกันลอบฝังซ่อนเร้นย้ายหรือทำลาย เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย พร้อมเตรียมออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุเพิ่มอีก 2 คน ซึ่งตำรวจได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด

ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิตและชาวบ้านเรียกร้องให้ตำรวจจับกุมผู้ที่มีส่วนร่วมรู้เห็นกับการฆ่าโหดครั้งนี้มาดำเนินคดี เพราะเชื่อว่ามีมากกว่า 3 คน พร้อมขอให้กวาดล้างกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ พร้อมเปิดเผยว่าจุดเกิดเหตุคือจุดรับส่งยาเสพติดของแก๊งค้ารายใหญ่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

ตัดไฟเมียนมา

ตัดแขนขาเมียนมา ราคาน้ำมันพุ่ง-จำกัดการซื้อ

เข้าสู่วันที่ 3 สำหรับการตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเทอร์เน็ต และระงับการส่งน้ำมัน จากฝั่งแม่สอดของไทยไปเมืองเมียวดีของเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำมันในฝั่งเมียวดี

หมายจับ สส.ปูอัด

“สส.ปูอัด” เงียบหาย หลังถูกออกหมายจับข่มขืนสาวไต้หวัน

“สส.ปูอัด” เงียบหาย ไม่รับสายสื่อ หลังถูกออกหมายจับข่มขืนสาวไต้หวัน ด้าน “เลขาสภาฯ” เผยเรื่องยังไม่ถึงสภา หากมาแล้วต้องบรรจุวาระขอสมาชิกให้อนุญาตดำเนินคดี

มือถือแตงโม

ดีเอสไอรับมอบมือถือแตงโม ส่งสถาบันนิติวิทย์ฯ ตรวจดีเอ็นเอ เช้านี้

โทรศัพท์มือถือ “แตงโม ภัทรธิดา” ถึงมือดีเอสไอ เก็บเข้าห้องมั่นคงลับสูงสุดตลอดคืน เช้านี้นำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าห้องแล็บตรวจหาหลักฐาน