กกพ. เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงประกาศ SPP Hybrid Firm

กรุงเทพฯ 11 ส.ค. – กกพ. เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงประกาศ SPP Hybrid Firm ตามมติ กบง.


นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดลำดับการรับซื้อไฟฟ้าในแต่ละภูมิภาคให้มีความชัดเจนขึ้น และเพื่อให้การรับซื้อไฟฟ้าในโครงการ SPP Hybrid Firm ครบเป้าหมายการรับซื้อจำนวน 300 เมกะวัตต์ โดยหากจังหวัดภูเก็ต และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี รับซื้อไฟฟ้าได้ไม่ครบตามเป้าหมาย ให้นำส่วนที่เหลือจากพื้นที่ดังกล่าวไปพิจารณาจัดหาเพิ่มเติมจากผู้ยื่นข้อเสนอขอผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ภายในพื้นที่ภาคใต้ก่อน และในกรณีที่ภูมิภาคใดรับซื้อไฟฟ้าได้ไม่ครบตามเป้าหมายที่กำหนด ก็ให้พิจารณารับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมจากผู้ยื่นข้อเสนอในครั้งเดียวกัน โดยจะพิจารณาข้อเสนออัตราส่วนลดของ FiTF จากมากไปน้อยจนครบข้อเสนอของผู้ยื่นที่ผ่านการประเมินข้อเสนอด้านเทคนิค

ในกรณีที่ผู้ยื่นเสนอขายเกินกว่าศักยภาพคงเหลือของระบบไฟฟ้าหรือเป้าหมายการรับซื้อรวม ผู้ยื่นข้อเสนอจะได้รับการพิจารณาคัดเลือก หากยินยอมปรับลดปริมาณพลังไฟฟ้าที่เสนอขายลง ซึ่งจากการปรับปริมาณการรับซื้อไฟฟ้ารายภูมิภาคนี้ จะทำให้ปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าในบางพื้นที่อาจมากกว่าเป้าหมายการรับซื้อที่กำหนดตามข้อ 6 ในประกาศฉบับเดิมได้ แต่ปริมาณการรับซื้อไฟฟ้ารวมต้องไม่เกิน 300 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้ กกพ. อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid Firm (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อให้เป็นไปตามมติการประชุมของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2560


นอกจากนี้ กกพ. ยังได้แก้ไขกำหนดระยะเวลาให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และผู้ที่ได้รับคัดเลือกลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากภายในวันที่ 13 ธันวาคม 2563 เป็นภายในวันที่ 13 ธันวาคม 2562 ในประกาศฉบับเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับเงื่อนไขข้อ 38 ที่ให้ผู้ได้รับคัดเลือกต้องลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ภายใน 2 ปี นับถัดจากวันที่ กกพ. ประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือก

“อย่างไรก็ดี กกพ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ผ่านทางเว็บไซต์ www.erc.or.th ตั้งแต่วันที่ 10 – 24 สิงหาคม 2560 ภายในเวลา 17.00 น. กกพ. จึงขอเชิญชวนผู้มีส่วนได้เสียได้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้ เพื่อที่ กกพ. จะนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะมาพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการและการคัดเลือกให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใสเพื่อเสริมสร้างการแข่งขันต่อทุกฝ่าย” นายวีระพล กล่าว – สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง