กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ราคาถ่านหินดีดตัวสูงขึ้น ปตท.เล็งเปิดเหมืองเล็ก ซึ่งเป็น 1 ใน 2 เหมืองอินโดนีเซีย เพื่อเพิ่มยอดขาย โดยยังไม่มีแผนขายกิจการ
นายไพบูลย์ เทพเลิศบุญ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาและวางแผนธุรกิจ บริษัท พีทีที เอ็นเนอร์ยี่ รีซอร์สเซส จำกัด บริษัทในเครือ ปตท.ทำธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซียของกลุ่ม กล่าวว่า ราคาถ่านหินสัปดาห์ที่แล้วขยับขึ้นไปอยู่ที่ 90-95 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน หลังจากการประท้วงในออสเตรเลีย ขณะที่ราคาถ่านหินเฉลี่ยปีนี้ดีขึ้นตลาด future ยังมองราคาถ่านหินกันที่ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันในปีก่อน
ดังนั้น เร็ว ๆ นี้บริษัทจะกลับมาเปิดเหมืองขนาดเล็ก Sebuku ในเกาะกาลิมันตัน ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อผลิตถ่านหินอีกครั้งปลายปีนี้หรือต้นปี 2561 หลังจากมีปัญหาเรื่องผู้รับเหมา จึงปิดเหมืองดังกล่าวไปเมื่อต้นปี 2560 คาดว่าจะกลับมาผลิตถ่านหินระดับ 500,000 ตัน/ปี จากปัจจุบันผลิตถ่านหิน 7-8 ล้านตัน/ปี จากเหมืองขนาดใหญ่ Jembayan เพียงแห่งเดียว
“ปตท.มี 2 เหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย ราคาถ่านหินที่สูงและการทำตลาดส่งออกเข้าไปในญี่ปุ่น ไต้หวัน จีนและไทยบางส่วน ทำให้ประกอบกับการลดต้นทุนตามเป้าหมาย ก็มั่นใจว่าจะกลับมาเปิดเหมืองเล็กให้กลับมาผลิตได้เหมือนเดิมเร็ว ๆ นี้” นายไพบูลย์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายกำไรปีนี้ที่ระดับ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากระดับ 7-8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อน จากราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นและการบริหารจัดการต้นทุนให้ลดต่ำลง วางแผนการผลิตถ่านหินในปีนี้ระดับ 7-8 ล้านตัน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 7.5-8.5 ล้านตันในปีหน้า โดย 3-4 ปีที่ผ่านมาลดต้นทุนไปได้ถึงร้อยละ 40 เหลือระดับ 40-50 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า กลุ่ม ปตท.ไม่มีแผนขายธุรกิจถ่านหินและยังให้ความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนธุรกิจไฟฟ้า ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในอินโดนีเซียด้วย แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องนโยบายของ ปตท.ที่จะยังไม่พิจารณาการลงทุนใหม่ในอินโดนีเซีย หลังมีประเด็นการฟ้องร้องคดีของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ทำให้การลงทุนใหม่จะยังไม่เกิดขึ้น แต่ในส่วนการดำเนินการที่อยู่ในปัจจุบันก็ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดและบริษัทไม่มีนโยบายที่จะขยายการลงทุนธุรกิจเหมืองถ่านหินเพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย