กรุงเทพฯ 12 ธ.ค.- คณะทำงานติดตามการร่างรธน.เพื่อไทย ชี้ บทกำหนดโทษรุนแรงสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิตในร่างกม.ลูกว่าด้วยพรรคการเมือง ขัดต่อเจตนารมณ์ของรธน. ทำให้สมาชิกพรรคการเมืองกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง ตั้งคำถามกรธ.เจตนาสร้างพรรคการเมืองหรือทำลาย
นายคณิน บุญสุวรรณ ประธานคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เผยแพร่ เพื่อประกอบการรับฟังความคิดเห็นว่า หลักการและสาระสำคัญส่วนใหญ่ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 ที่บัญญัติให้การร่วมกันจัดตั้งพรรคการเมืองเป็นเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการบัญญัติในกฎหมายลูกที่กำหนดให้ต้องขออนุญาตต่อนายทะเบียน คือ เลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อจัดตั้งเป็นพรรคการเมือง
“ทั้งยังมีกฎเกณฑ์เงื่อนไขต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งบทกำหนดโทษรุนแรงสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต นอกจากจะขัดต่อเจตนารมณ์ของร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ยังเป็นการลดฐานะของสมาชิกพรรคการเมือง ให้เป็นเสมือนพลเมืองชั้นสองอีกด้วย เพราะทันทีที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง นอกจากจะต้องเสียค่าบำรุงพรรคทุกปีแล้ว หากเป็นผู้ร่วมกันจัดตั้งพรรคการเมืองต้องจ่ายเงินเพื่อเป็นทุนประเดิมคนละ 2,000 – 500,000 บาท และยังต้องเสียสิทธิทางการเมืองหลายอย่างด้วย เช่น หากจะสมัครหรือเกี่ยวข้องกับการเลือกส.ว.จะไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับตำแหน่งทางการเมืองได้ และไม่สามารถสมัครเป็นองค์กรอิสระหรือศาลรัฐธรรมนูญได้ ที่ไม่มีข้อห้ามอยู่เรื่องเดียวคือการเลือกตั้ง ส.ส. และสมัคร ส.ส.” นายคณิน กล่าว
นายคณิน กล่าวว่า ร่างกฎหมายลูกนี้ บังคับให้ผู้ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองต้องจ่ายค่าธรรมเนียมบำรุงพรรคและหากผู้ใดไม่ชำระค่าบำรุงพรรคเป็นเวลาสองปีติดต่อกันต้องสิ้นสภาพสมาชิก ข้อนี้ถือว่าขัดต่อหลักเสรีภาพของประชาชน และเท่ากับเป็นการกีดกันคนยากจนและคนที่มีรายได้น้อย ไม่ให้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ส่วนคนมีฐานะดี แต่หากรู้ว่าเป็นสมาชิกพรรคแล้วต้องลำบากเช่นนี้ คงไม่มีใครอยากเป็นสมาชิกพรรคการเมือง จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า แท้จริงแล้วกรธ.จะสร้างพรรคการเมืองหรือทำลายพรรคการเมือง
“การที่มาตรา 32 กำหนดให้พรรคที่ตั้งใหม่ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 5,000 คน ภายใน 1 ปี มีสาขาพรรคอย่างน้อยภาคละหนึ่งสาขา แต่ละสาขาต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 500 คน และต้องเพิ่มสมาชิกให้มีจำนวนไม่น้อยกว่าสองหมื่นคนภายใน 4 ปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนนั้น ขัดแย้งกับสิ่งที่กรธ. กล่าวมาตลอดว่า ไม่อยากเห็นนายทุนครอบงำพรรค และอยากให้พรรคการเมืองเป็นของประชาชน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นตรงกันข้ามมากกว่า” นายคณิน กล่าว.-สำนักข่าวไทย