“ปู พงษ์สิทธิ์” ไม่เอาเรื่อง “พ.อ.อ.” เอาปืนชี้หน้า

6 ส.ค. – “ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์” ส่งทนายไปแสดงความจำนงกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอำนาจเจริญ ไม่ติดใจเอาเรื่อง “พันจ่าอากาศเอก” แฟนพันธุ์แท้ที่ชักปืนจ่อหน้าระหว่างการแสดงคอนเสิร์ต


จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปพันจ่าอากาศเอกชักปืนจ่อหน้านายพงษ์สิทธิ์ คำภีร์ หรือ ปู พงษ์สิทธิ์ นักร้องเพลงเพื่อชีวิต ระหว่างแสดงคอนเสิร์ตบนเวทีภายในผับที่ จ.อำนาจเจริญ เหตุไม่พอใจที่ไม่ยอมจับมือด้วย จน “ปู พงษ์สิทธิ์” ต้องเข้าไปแย่งปืนและเกิดเหตุชุลมุนขึ้นนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (6 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก ร.ต.อ.เจน วิเศษรัมย์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอำนาจเจริญ ว่า เมื่อช่วงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ปู พงษ์สิทธิ์ ได้มอบอำนาจส่งนายเกรียงศักดิ์ กังวานวงศ์ ซึ่งเป็นทนายความมาขอแสดงความจำนงต่อพนักงานสอบสวนว่า “ไม่ติดใจ” และไม่ต้องการเอาเรื่อง เนื่องจากเชื่อว่าพันจ่าอากาศเอกคนดังกล่าว คงไม่ได้มีเจตนาทำร้ายปู พงษ์สิทธิ์ แต่อย่างใด เป็นเพียงแค่แฟนเพลงที่ชื่นชอบในผลงานเพลงของปู พงษ์สิทธิ์ และอยากจะใกล้ชิดกับนักร้องที่ตนชื่นชอบเหมือนกับคนอื่นๆ ที่เวลาเห็นดารา หรือนักร้องที่ชื่นชอบ ก็อยากที่จะใกล้ชิด และสัมผัสจับไม้จับมือเป็นธรรมดา แต่ด้วยความที่พันจ่าอากาศเอกคนดังกล่าวในระหว่างนั้นอยู่ในอาการมึนเมา บวกกับความน้อยใจ จึงทำให้ขาดสติ และกระทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นจนเป็นเหตุในที่สุด


โดยทางทนายของปู พงษ์สิทธิ์ ที่มาแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าไม่ติดใจ หรือจะเอาเรื่องพันจ่าอากาศเอกแต่อย่างใด แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีความอาญา ไม่สามารถถอนแจ้งความได้ จึงต้องปล่อยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามระเบียบขั้นตอนดำเนินคดีตามกฎหมาย และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาที่จะจัดการตามวินัยทหารต่อไป ซึ่งขณะนี้คดีความอยู่ในระหว่างสอบสวนปากคำเพิ่มเติม 3 – 4 ปาก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร้านผับดังกล่าว พยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของผับดังกล่าว ที่จะต้องเรียกตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมในวันที่เกิดเหตุ และหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในผับ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการสอบพยานและรวบรวมหลักฐานให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการต่อไป

ขณะที่  “ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์” ได้โพสต์ข้อความและจดหมายเขียนด้วยลายมือผ่านเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของตนเอง ยืนยันว่าจะไม่เอาเรื่อง “จ่าอากาศเอก” ฝากถึง “ผู้ใหญ่ในประเทศ” ช่วยดูและเรื่องอาวุธเกลื่อนเมือง  เนื้อหาดังนี้

“ผมปูครับ ขอบพระคุณพี่ๆ น้องๆ มิตรสหายทุกท่านที่เป็นห่วงเป็นใย ผมสบายดีมีทุกข์มีสุขครับ ได้ส่งทนายไปแสดงความจำนงว่าไม่ต้องการเอาเรื่องครับ ที่เหลือก็แล้วแต่ลำดับการปกครอง วินัยของผู้บังคับบัญชาของเขา ขอความกรุณาผู้หลักผู้ใหญ่ได้ดูแลเรื่องเมืองไทยเต็มไปด้วยอาวุธ ซึ่งทำให้ต้องตั้งคำถามว่าอยู่ตรงไหนถึงจะปลอดภัย ตั้งต้นไปที่อื่นๆ แล้วครับ ผมต้องอยู่กลางแจ้งทุกวัน โอกาสเจอนักเลงอันธพาลก็เกิดขึ้นได้สูง แต่ก็เลือกไม่ได้ แล้วแต่ซวยเจอกันทุกที่เหมือนเดิมครับ ขอบพระคุณครับ พงษ์สิทธิ์ คำภีร์”. -สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ลุยรื้อถอนต่อเนื่องเข้าวันที่ 24 จนท.ทำงานหนักตลอด 24 ชม.

เดินหน้ารื้อถอนอาคาร สตง. เข้าสู่วันที่ 24 แล้ว เจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชม. เพื่อให้เสร็จตามแผน ขณะที่ภารกิจค้นหาผู้ติดค้างยังคงดำเนินต่อเนื่อง

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว