ดีเอสไอ 2 ส.ค.-ดีเอสไอ-ไปรษณีย์ไทย โชว์ผลงานจับเครือข่ายแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ความเสียหายรวมกว่า 5 ล้านบาท เตือนอย่าหลงเชื่อบุคคลอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หลอกให้โอน-ถอนเงิน ทางโทรศัพท์
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ พล.ต.ท. ณัฐธร เพราะสุนทร ผบ.สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นายมานพ ศรวิบูลย์ศักดิ์ รองกรรมการ ผจก.ใหญ่สายงานปฏิบัติการนครหลวง บจก.ไปรษณีย์ไทย ร่วมแถลงข่าวการสนธิกำลังร่วมทหารกองพล ร.5 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สภ.สะเดา จับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกโอนเงิน
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า หลังมีกลุ่มผู้กระทำผิดโดยใช้โทรศัพท์ผ่านทางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต(VoIP) ติดต่อกับประชาชนผู้เสียหายโดยแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI),ปปง.,ป.ป.ส.,เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ โดยใช้อุบายหลอกลวงเหยื่อผู้เสียหายว่ามีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งผู้เสียหายจะต้องถูกอายัดบัญชีเงินในธนาคารทั้งหมด เพื่อโอนมาให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทำการตรวจสอบ โดยจะให้ผู้เสียหายไปถอนเงินสดและมาฝากเงินสดเข้าตู้ฝากเงินสดอัตโนมัติ (CDM) เท่านั้น มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อถูกหลอกลวงจำนวนมาก
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวต่อว่า ดีเอสไอ โดยสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ และศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ สนธิกำลังร่วมกับทหารชุด ฉก.ร.5 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สถานีตำรวจภูธร ดำเนินการสืบสวนจนทราบว่ากลุ่มผู้กระทำผิดดังกล่าวเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่จังหวัดสงขลา และเชื่อมโยงกับคนร้ายในภาคอื่นๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 31ก.ค.ที่ผ่านมา สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวมาเลเซียจำนวน 1 คน ขณะกำลังกดเงินสดออกจากตู้กดเงินสดอัตโนมัติ (ATM) ได้ที่ตำบลด่านนอก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และขยายผลควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนได้อีก 1 คน และจากการซักถามเบื้องต้นจากผู้ต้องสงสัยที่ควบคุมทราบว่ามีบุคคลอื่นที่เป็นชาวมาเลเซียและชาวไทยเกี่ยวข้องร่วมขบวนการอีกมาก ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียและ ในประเทศไทยบริเวณเขตอำเภอสะเดา หรือผ่านเข้าออกทั้งสองประเทศ
สำหรับการจับกุมครั้งนี้ได้ของกลาง จำนวน41 รายการ เช่น เงินสดจำนวน 497,100 บาท พร้อมสมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 6 เล่ม , บัตรกดเงินสด (ATM) จำนวน8ใบ,โทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่องและซิมการ์ดโทรศัพท์ มือถืออีกหลาย 10 อัน ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ก.พ.-ก.ค.มีผู้เสียหาย มาร้องเรียนแล้ว 8 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 5 ล้านบาท เชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหาย และมูลค่าความเสียหายจะมีมากกว่านี้อีก
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวย้ำ เตือนประชาชนว่า หากมีบุคคลอ้างเป็น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ให้โอนเงินหรือถอนเงิน แม้หมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏจะเป็นหมายเลขโทรศัพท์หน่วยงานนั้น ๆ จริง ก็อย่าได้หลงเชื่อโดยเด็ดขาด เพราะการแจ้งเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการเงินต้องมีหนังสือแจ้งเป็นสายลักษณ์อักษร ไม่มีการโทรศัพท์แจ้งเด็ดขาด หากพบเจอขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือสอบถามไปยังหน่วยงานนั้นโดยทันที.-สำนักข่าวไทย