กรุงเทพฯ 30 ก.ค.- รมว.มหาดไทย สั่งแก้ไขปัญหาอุทกภัยเชิงรุก เข้าถึงผู้ประสบภัยระดับครัวเรือน เชื่อมโยงการบริหารจัดการน้ำ กำหนดเส้นทางการไหลของน้ำและจัดหาพื้นที่รองรับน้ำ รวมถึงติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ เครื่องสูบน้ำให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ
พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยขณะนี้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 20 จังหวัด พื้นที่ประสบภัยส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับจากการติดตามสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในวันนี้(30ก.ค.)ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ นายกรัฐมนตรีห่วงใยสถานการณ์อุทกภัย จึงได้สั่งกำชับให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
1.วางมาตรการแก้ไขปัญหาเชิงรุกให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบสถานการณ์ อาทิ การคาดการณ์ปริมาณฝน ระดับน้ำในพื้นที่ สภาพทางภูมิศาสตร์ รวมถึงข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย และพื้นที่รับน้ำ เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์ ปรับแผนการรับมือและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยสอดคล้องกับสถานการณ์ภัยและบริบททางสังคมของแต่ละพื้นที่ หากพื้นที่ใดสถานการณ์น้ำท่วมขยายวงกว้าง ให้วางมาตรการช่วยเหลือเชิงรุกเพื่อเข้าถึงผู้ประสบภัยในระดับครัวเรือน พร้อมพิจารณาอพยพประชาชนไปอาศัยในพื้นที่ปลอดภัย
2. ดูแลผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง มุ่งบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น โดยผู้ประสบภัยที่ไม่อพยพออกจากบ้านเรือนต้องดูแลไม่ให้ประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลที่เข้าถึงได้ยาก ให้จัดชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วให้การช่วยเหลืออย่างทั่วถึง พร้อมจัดเรือในการอำนวยความสะดวกและให้บริการด้านต่างๆแก่ผู้ประสบภัย ส่วนผู้ประสบภัยที่อพยพมาพักที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ให้จัดอาหารประกอบเลี้ยง พร้อมจัดทีมแพทย์พยาบาลดูแลสุขภาพอนามัยอย่างใกล้ชิด
3.เชื่อมโยงการระบายน้ำอย่างเป็นระบบ โดยประสานการทำงานร่วมกับสำนักงานชลประทานในพื้นที่เชื่อมโยงการบริหารจัดการน้ำ กำหนดเส้นทางการไหลของน้ำและจัดหาพื้นที่รองรับน้ำ รวมถึงติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ เครื่องสูบน้ำให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำจากลำน้ำสาขาลงสู่แม่น้ำสายหลัก ตลอดจนขุดลอกลำคลองและลำรางสาธารณะ เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำและให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ให้ประสานจังหวัดที่เป็นเส้นทางผ่านของน้ำเตรียมพร้อมรับมือปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ลุ่มต่ำริมน้ำเตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ติดตามสถานการณ์และประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด
พลเอกอนุพงษ์ กล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าหน่วยงานภาครัฐพร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนให้การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างเต็มกำลัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นและคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป.-สำนักข่าวไทย