ชุมพร 27 ก.ค.-เกิดเหตุเรือนักท่องเที่ยวกลุ่มเรียนถ่ายภาพใต้น้ำจากกรุงเทพฯ เจอพายุซัดล่มจมทะเลชุมพร ช่วงเกาะง่ามเกาะ-กะโหลก เจ้าหน้าที่ช่วยขึ้นมาได้ 11 เสียชีวิต 5 คน โดยขณะเกิดเหตุเรือเสียและกำลังถูกลากโยงเข้าฝั่ง แต่เผชิญลมพายุฝนกะทันหัน จนล่มลงในที่สุด
นายณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ให้สัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ในรายการ “คุยโขมงข่าวเช้า” เผยเมื่อเวลาประมาณ 20.45 น.คืนที่ผ่านมา (26 ก.ค.) ได้รับรายงานเหตุเรือโดยสารท่องเที่ยวจมหายไปกลางทะเล มีนักท่องเที่ยวจมหายไปหลายคน จึงรีบสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือแก่นักท่องเที่ยวและเรือดังกล่าว โดยรีบสั่งการให้หน่วยงานที่อยู่ใกล้ที่สุดทั้งเจ้าหน้าที่อุทยานหมู่เกาะชุมพร ตำรวจน้ำ เรือตรวจการณ์ประมง ปละมูลนิธิ กู้ชีพกู้ภัย ช่วยประสานงานกันออกช่วยเหลือผู้ประสบภัย
เบื้องต้นทราบว่าเป็นเรือท่องเที่ยวชื่อเรือโชคธารา 2 ผู้ว่าฯ ชุมพร ระบุสภาพเรือค่อนข้างเก่าและเป็นเรือเล็ก โดยเรือเกิดเสียในเวลาประมาณ 15.00 น. จึงลอยแอบอยู่ใกล้ๆ เกาะง่าม รอเรือใหญ่มาช่วย แต่เมื่อเรือใหญ่มาถึงแล้วไม่สามารถเทียบกันได้ เนื่องจากเรือขนาดต่างกันมาก จึงใช้เชือกโยง เพื่อจะนำเข้าฝั่ง เมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ มีพายุฝนมาพอดี เรียกว่า “ลมหัวฝน” เนื่องจากเป็นเรือเสีย ไม่ติดเครื่อง ทำให้ไม่สามารถทรงตัวสู้คลื่นลมได้ จึงจมลงทะเล โดยมีคนบนเรือทั้งหมด 16 คน เป็นคนขับและลูกเรือ 3 คน นักท่องเที่ยว 13 คน เรือใหญ่ที่มาโยงช่วยนักท่องเที่ยวได้ 8 คน เหลือที่จมหายไป 5 คน
ผู้ว่าฯ ชุมพร เมื่อได้รับแจ้งเหตุก็ได้เดินทางไปยังท่าเทียบเรือปากน้ำชุมพร อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อนั่งเรือตรวจประมงชุมพรออกไปยังจุดที่นักท่องเที่ยวหายไป และตามนักประดาน้ำลงค้นหาผู้สูญหาย กระทั่งเวลา 03.00 น. พบผู้เสียชีวิตทั้งหมด เป็นชาย 1 คน หญิง 4 คน เป็นกลุ่มนักเรียนดำน้ำลึกและเรียนถ่ายภาพใต้น้ำจากกรุงเทพฯ ที่มาเรียนและฝึกดำน้ำ ตามกำหนดเรียนและฝึกในพื้นที่จริง 5 วันทั้งหมดติดอยู่ในซากเรือที่จมลงในทะเล โดยผู้เสียชีวิตทราบชื่อ คือนายมหัทธน กัญจนปกรณ์, น.ส.ธีร์ชญาน์ เมธามงคลทิพย์, น.ส.จันทร์ดารา ทับจันทร์ นางฐาปนี วรวัฒนกุล และ น.ส.สุมรรษณา สุทธานุรักษ์ โดยมีรายงานจากผู้รอดชีวิตว่าได้รับการช่วยเหลือจากหนึ่งในผู้เสียชีวิตด้วย หลังจากนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาแล้ว นำส่งโรงพยาบาลปากน้ำชุมพร เพื่อชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย ก่อนประสานญาติรับศพบำเพ็ญกุศลต่อไป.-สำนักข่าวไทย