fbpx

มทภ.4 มอบรายชื่อผู้ปลดพันธะทางกฎหมายโครงการพาคนกลับบ้าน

ศูนย์ข่าวภาคใต้ 26 ก.ค.-แม่ทัพภาคที่ 4(มทภ.4) มอบบัญชีรายชื่อผู้ได้รับการปลดพันธะทางกฎหมายจากโครงการพาคนกลับบ้าน เพื่อให้กลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างปกติสุข 


พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานจัดกิจกรรมคืนคนดีสู่สังคม ที่ศาลาประชาคมอำเภอสะบ้าย้อย จ.สงขลา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากโครงการพาคนกลับบ้านของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า โดยได้มอบบัญชีรายชื่อผู้ที่ได้รับการปลดเปลื้องพันธะทางกฎหมาย จำนวน 35 รายตามโครงการฯ ให้กับนายอนุชิต ตระกูลมุทุตา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ก่อนจะพบปะพูดคุยกับผู้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน 

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ตนได้มีแนวคิดในการปรับปรุงโครงการพาคนกลับบ้านใหม่ เพื่อให้ประชาชนร่วมแก้ปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งแนวทางใหม่ของโครงการพาคนกลับบ้าน จะเปิดโอกาสให้ผู้คิดต่างจากรัฐที่ได้หลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หรืออาศัยอยู่ตามป่าเขา ได้กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านตามปกติสุข และเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย โดยเปิดช่องทางให้แสดงตนหลายช่องทาง เช่น การโทรศัพท์ติดต่อแม่ทัพภาคที่ 4 โดยตรง ซึ่งจะไปรับถึงที่ หรือติดต่อหน่วยงานในพื้นที่ได้ทุกหน่วย ทั้งหน่วยงานทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง หรือบุคคลที่อยู่ในหน่วยงานรัฐที่ไว้ใจ แต่หากผู้ที่ยังหวาดระแวงไม่กล้าเข้ามาหาเจ้าหน้าที่รัฐด้วยตนเอง ก็ให้ญาติเป็นผู้ประสานงานแทนได้ และแม่ทัพภาค 4 จะดูแลความปลอดภัยให้กับญาติพี่น้อง 


นอกจากนี้ แม่ทัพภาค 4 จะทำงานร่วมกับอดีตผู้ร่วมขบวนการโจรจีนคอมมิวนิสต์ (จคม.) หรือผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยจากทุกพื้นที่ ให้มาเป็นวิทยากรพิเศษและบรรยายถึงประสบการณ์ให้กับประชาชน โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น ญาติพี่น้องของผู้ที่คิดเห็นต่างจากรัฐ และพี่น้องประชาชนทั่วไป เพื่อให้เข้าใจถึงผลดีของการเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน 

ทั้งนี้ การส่งมอบสมาชิกผู้เห็นต่าง หรือ Set Zero คืนสู่สังคม เป็นการส่งมอบสมาชิกผู้เห็นต่าง ที่เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านตั้งแต่ปี 2555-2559 ได้กลับคืนสู่ครอบครัว และตัดยอดผู้เข้าร่วมโครงการออก เป็นการสิ้นสุดโครงการพาคนกลับบ้านระยะที่ 1.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย