กรุงเทพฯ 24 ก.ค. – การตรวจสอบประเทศไทยด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนตามโครงการ USAP-CMA โดยไอเคโอ ผลปรากฎว่าไม่พบประเด็นที่มีนัยสำคัญต่อการรักษาความปลอดภัย
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เป็นประธานประชุม สรุปผลการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนตามโครงการ USAP-CMA โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบินกรุงเทพ เป็นต้น เข้าร่วมการประชุม
นายจุฬา กล่าวถึงผลการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนตามโครงการ USAP-CMA ที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO เข้ามาตรวจสอบเมื่อวันที่ 11-21 กรกฎาคม 2560 ว่า การตรวจสอบมีคำถามทั้งหมด 463 ข้อ ผลปรากฎว่าไม่พบประเด็นที่มีนัยสำคัญต่อการรักษาความปลอดภัยจะมีเพียงประเด็นที่ต้องปรับปรุงหรือมีมาตรฐานอยู่แล้ว แต่ควรแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น รวม 49 ประเด็น ซึ่งขั้นตอนจากนี้ คือ หลังจากวันที่ 21 กรกฎาคม 2560 ไป 60 วัน ไอเคโอจะส่งรายงานผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการมาให้อีกครั้ง หลังจากนั้นภายในอีก 30 วัน จะเป็นช่วงเวลาที่เปิดโอกาสให้ประเทศไทยเสนอข้อโต้แย้งหรือยืนยันการยอมรับรายงานผลการตรวจสอบนั้น หากขั้นตอนนั้นเสร็จอีกภายใน 30 วัน ประเทศไทยจะต้องยื่นเสนอแผนปรับปรุงแก้ไขกลับไปให้ไอเคโอ ทั้งนี้ ช่วงเวลาการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขทั้งหมดขึ้นอยู่แต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบประเด็นการปรับปรุงแก้ไขนั้น ๆ
สำหรับรายละเอียด 49 ประเด็น ที่ไอเคโอแนะนำมีประเด็นที่ควรต้องดูแลเป็นพิเศษ คือ การเพิ่มกำลังคนด้านการรักษามาตรฐานการรักษาความปลอดภัย ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้านการบิน (Inspector) ของ กพท. และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของแต่ละสนามบิน เนื่องจากท่าอากาศยานในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือระหว่างประเทศมีนโยบายให้ใช้มาตรฐานเดียวกัน จึงทำให้ต้องมีการเพิ่มกำลังคนและประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานปัจจุบันเหนื่อยล้าจนเกินไป
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะการจัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยของแต่ละท่าอากาศยานด้วย เพราะขณะนี้แผนการรักษาความปลอดภัยยังมีไม่ครบทั้ง 38 ท่าอากาศยาน ซึ่งทุกท่าอากาศยานต้องจัดทำแผนรักษาความปลอดภัยสำหรับท่าอากาศยานของตนและเสนอให้ กพท.พิจารณารับรองว่าเป็นไปตามมาตรฐานต่อไป.-สำนักข่าวไทย