กรุงเทพฯ 24 ก.ค. – องคมนตรี หนุนข้าราชการคลังมุ่งทำความดี ขณะที่สรรพสามิตเตรียม ครม.กำหนดพิกัดอัตราภาษีลดลงแต่ยอดเก็บเท่าเดิม
นายเกษม วัฒนชัย องคมนตรี พร้อมด้วยนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมงาน “คนคลังรวมพลังสร้างความดี” โดยนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง นำผู้บริหาร ข้าราชการ กล่าวคำปฎิญาณมุ่งมั่นทำความดี ยึดหลักธรรมาภิบาล ดูแลความโปร่งใส ในการให้บริการจัดเก็บภาษีและให้บริการประชาชน และยังเชิญชมและร่วมประมูลสินค้าของผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลัง (Executive Charity) ในงาน “คนคลังรวมพลังสร้างความดี” โดยมีสินค้าประมูล อาทิ ภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ ร.5, ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก, เข็มกลัดเพชร, โทรศัพท์ iPhone 7, Samsung Tablet, จักรยานเสือภูเขา, จักรยานญี่ปุ่น, เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ รายได้จากการประมูลนำมอบแก่องค์กรสาธารณกุศล ในวันจันทร์ที่ 24 และวันอังคารที่ 25 กรกฎาคม นี้
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กระทรวงคลังเตรียมเสนอ ครม.พิจารณากฎหมายลูกเกี่ยวกับขั้นตอนวิธีการ กระบวนการ และการออกใบอนุญาต เกี่ยวกับภาษีสรรพสามิต จากนั้นกรมสรรพสามิต ต้องเสนอกระทรวงการคลังพิจาณากฎหมายลูกเกี่ยวกับการกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ค่าธรรมเนียม เพื่อเสนอ ครม.พิจารณา ภายในเดือนสิงหาคมนี้ ก่อน พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 จะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ยืนยันว่าการกำหนดอัตราภาษีจัดเก็บจริงแทบทุกรายการภาษีลดลง แต่ยอดการเสียภาษีต้องเท่าเดิม เนื่องจากฐานภาษีขยายมากขึ้น จึงต้องการเน้นย้ำให้ชัดเจนว่าภาระภาษีจะไม่ปรับสูงกว่าเดิม เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภค เนื่องจากวิธีการคำนวณภาษีแตกต่างไปจากเดิม
นายสมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า ยอดจัดเก็บรายได้กรมสรรพสามิตช่วง 8 เดือนแรกเกินเป้าหมาย 5,000 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะเกินเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท จากเป้าหมาย 550,000 ล้านบาทในปีนี้ ยอมรับว่าจากอัตราภาษีสรรพสามิตลดลง การใช้น้ำมันน้อยลง ส่งผลต่อรายได้ภาษีสรรพสามิตลดลง จึงต้องศึกาษาแนวทางจัดเก็บภาษีจากประเภทอื่นเพิ่มเติม ทั้งด้านเครื่องดื่ม ภาษีฟุ่มเฟือย สินค้าทำลายสิ่งแวดล้อม สินค้าทำลายสุขภาพ เพื่อเดินหน้าตามแผนระยะยาวสรรพสามิตจากปี 2560 วงเงิน 555,000 ล้านบาท ปี 2561 วงเงิน 600,000 ล้านบาท และปี 2564 วงเงิน 800,000 ล้านบาท นับว่าในช่วงระยะเวลา 5 ปี .- สำนักข่าวไทย