แพทย์แถลงกรณี “น้องนิว” รอการรักษาจนเสียชีวิต

เพชรบุรี 22 ก.ค.-ทีมแพทย์ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ยืนยันกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าปล่อยให้เด็กชายวัย 15 ปี รอการรักษาอาการปวดท้องจนเสียชีวิต โดยยืนยันว่าทำเต็มที่แล้ว และอาการที่ผู้ตายป่วยพบเพียง 5 คนใน 1 ล้านคนเท่านั้น


จากกรณีมีผู้ใช้ Facebook คนหนึ่ง โพสต์กรณีที่มีมีเด็กวัย 15 ปี นั่งรอการวินิจฉัยอาการป่วยของแพทย์ กระทั่งเสียชีวิตก่อนได้รับการรักษา โดยระบุว่า อยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ อย่าให้ 1 ชีวิต ต้องเสียไปกับคำว่า “รอ” พร้อมกับบรรยายเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “น้องปวดท้องมาก มากจนต้องส่งตัวฉุกเฉินจาก รพ.ชะอำ ไป รพ.พระจอมเกล้า เพชรบุรีตั้งแต่เช้า พอไปถึงพยาบาลบอกให้ “รอ” ทั้งๆ ที่น้องปวดมากจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ กระทั่งน้องช็อกล้มลงไป ทีมแพทย์และพยายามจึงทำ CPR จนรู้สึกตัว ถึงได้เข้าตรวจและเอ็กซเรย์ หลังจากนั้นน้องก็ทรุดลงอีกครั้ง กระทั่งมีการปั๊มหัวใจ แต่ครั้งนี้น้องไม่กลับมาแล้ว” ซึ่งหลังจากที่มีการโพสต์ภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้มีผู้ใช้ Facebook คนอื่นๆ เข้ามาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของทีมแพทย์และพยาบาลว่าเป็นไปอย่างล่าช้า โดยมีการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ ด.ช.ธีธัช เกตุทอง หรือ “น้องนิว” อายุ 15 ปี 


สำนักข่าวไทย ตรวจสอบข้อมูลและลำดับเหตุการณ์เวลาการเสียชีวิตของเด็กชายคนดังกล่าว พบว่าผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาอาการปวดท้องที่โรงพยาบาลชะอำ จังหวัดเพชรบุรีเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยขณะนั้นทีมแพทย์เข้าใจว่าอาจเกิดจากอาการ “กระเพาะทะลุ” แต่วินิจฉัยค่อนข้างยาก เพราะผู้ป่วยมีอาการสมาธิสั้น และออทิสติก จึงบอกอาการกับแพทย์ได้ไม่มากนัก มีการรักษาเบื้องต้นแต่อาการไม่ดีขึ้น จึงถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลพระจอมเกล้า อำเภอเมืองเพชรบุรีในช่วงเช้าของวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา 


กระทั่งเวลา 13.30 นาที ของวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้ป่วยได้เดินทางไปถึงโรงพยาบาลพระจอมเกล้า หลังจากนั้นผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง จึงมีการส่งตัวเข้ารับการเอ็กซเรย์ เพื่อวินิจฉัยอาการอย่างละเอียดอีกครั้ง กระทั่งเวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ได้รับฟิล์มเอ็กซเรย์ จึงส่งข้อมูลให้กับแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการ แต่ทว่าระหว่างรอผลวินิจฉัย พบว่าผู้ป่วยมีอาการหมดสติ แพทย์จึงเร่งช่วยเหลือด้วยการเจาะเลือดและปฐมพยาบาลเบื้องต้น หลังจากนั้นเวลา 14.45 นาที ผู้ป่วยถูกส่งตัวไปยังห้องฉุกเฉิน แต่พบว่าความดันตก จึงมีการตรวจอย่างละเอียด และเจาะเลือด พร้อมกับให้น้ำเกลือ ก่อนที่จะมีการซีทีสแกน ตรวจคลื่นหัวใจ กระทั่งพบอาการผิดปกติ ระหว่างนั้นผู้ป่วยเริ่มกระสับกระส่าย กระทั่งทีมแพทย์พบว่าผู้ป่วยมีอาการ “เส้นเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก” กระทั่งเวลา 16.38 น. พบว่าผู้ป่วยไม่มีชีพจรแล้ว ทีมแพทย์จึงปั๊มหัวใจ พร้อมกับให้เลือด 2 ถุง และเสียชีวิตลงในเวลา 17.15 น. 

กรณีนี้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่าเหตุใดและทำไม ทีมแพทย์จึงปล่อยให้ผู้ป่วยที่มีอาการหนักขนาดนี้ต้องรอนาน ซึ่งล่าสุดนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี รวมถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้า ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของ ด.ช.ธีธัช เกตุทอง โดยยืนยันว่าทีมแพทย์ไม่ได้ละทิ้งผู้ป่วยจนต้องเสียชีวิต เนื่องจากผู้ป่วยได้เดินทางมาในวันทำการ ทีมแพทย์และพยาบาลทุกคนก็อยู่ในหน้าที่ ซึ่งได้ทำการตรวจรักษาตามขั้นตอนไม่ได้ทอดทิ้งแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเด็กมีอาการสมาธิสั้น จึงไม่สามารถบอกอาการแพทย์ได้มากเท่าที่ควร จึงวินิจฉัยอาการป่วยค่อนข้างลำบาก ประกอบกับอาการ “เส้นเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก” มักพบในผู้ป่วยสูงอายุและไม่ค่อยเจอในเด็ก กระทั่งทำให้เสียชีวิตเฉียบพลัน สุดที่จะรักษาได้อย่างทันท่วงที  พร้อมแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้

 

ด้านครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้นำศพของด.ช.ธีธัช ไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลที่วัดชะอำคีรี อำเภอชะอำ เป็นระยะเวลา 5 คืน ก่อนที่จะมีพิธีฌาปนกิจในวันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคมนี้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยเฉพาะบิดาและมารดาของผู้ตายที่ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้านพี่สาวของ ด.ช.ธีธัช บอกว่าเบื้องต้นครอบครัวยังไม่คิดเอาเรื่องแพทย์และโรงพยาบาล แต่อยากให้มีการช่วยเหลือและเยียวยาครอบครัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขณะนี้ยอมรับว่าทั้งครอบครัวต่างเสียใจกับการสูญเสีย

สำนักข่าวไทย ติดต่อไปยังนายแพทย์ชัยสิทธิ์ แสงทวีสิน นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้อธิบายอาการ “เส้นเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก” โดยระบุว่า เป็นโรคแบบหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับผนังเส้นเลือด ถ้าไม่มีอาการอะไรแทรกซ้อน ก็จะไม่มีอาการ เพราะอาการของโรคเกี่ยวกับผนังเส้นเลือด จะไม่มีอาการเจ็บปวดแสดงออกมา การจะตรวจพบโดยเอ็กซเรย์ทรวงอกก็อาจเจอได้ ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการไปเรื่อยๆ ผนังเส้นเลือดก็จะโป่งพองมากขึ้นๆ จนแตก และจะมีอาการปวดอย่างรุนแรง ซีด ช็อก และเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว โรคนี้มักพบเจอในผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 50-70 ปี เป็นเป็นโรคแทรกซ้อนจากโรคเส้นเลือดแข็ง หรือหลอดเลือดแข็งตัว โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือกลุ่มที่สูบบุหรี่ หรือเป็นโรคเบาหวาน ส่งผลให้ผนังเส้นแข็ง จนส่งผลให้เส้นเลือดอ่อนแอลง

อย่างในกรณีที่เกิดในเด็ก 15 ปี ยืนยันว่าร้อย 90 มักไม่ทราบสาเหตุ โดยสาเหตุใหญ่ที่สามารถเกิดได้ คือ “กรรมพันธุ์”  หรือเส้นเลือดในร่างกายอักเสบจะด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่นำไปสู่เส้นเลือดโป่งพอง หรือเกิดจากอุบัติเหตุที่นำไปสู่การกระแทกที่รุนแรง จนทำให้พนังเส้นเลือดบอบบางผิดปกติและโป่งพองมา ซึ่งการกระแทกนั้นจะต้องเกิดที่บริเวณกระดูกสันหลัง แต่ยืนยันว่าการเป็น “ออทิสติก” ไม่มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงของโรค

โรคนี้เป็นโรคที่พบเจอได้น้อยมาก จากข้อมูลในต่างประเทศในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พบผู้ป่วยประมาณ 5-6 ราย ส่วนตัวที่ทำงานด้านโรคหัวใจมา 30 ปีเจอก่อนหน้ากรณีนี้ในไทยเพียงแค่ 1 รายเท่านั้น ส่วนหมอที่มีความเชี่ยวชาญที่จะรักษาในโรคนี้ในไทยมีไม่เกิน 10 คน และที่สำคัญต้องเป็นสถานที่ในการรักษาต้องมีอุปกรณ์รักษาที่ทันสมัยมาก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้โดยสารรถทัวร์สยอง นั่งร่วมกับศพจากโคราชถึงลำปาง

ลำปาง 17 มิ.ย. – ไม่รู้นั่งมากับศพทั้งคืน ผู้โดยสารรถทัวร์สายนครราชสีมา-เชียงใหม่ ถึงขนส่งลำปาง ผวาทั้งคัน หลังรถเข้าจอดชานชาลาพบหนุ่มวัย 38 ปี เสียชีวิต ตรวจสอบเบื้องต้นพบขามีรอยช้ำ เลือดไหล แพทย์คาดเสียชีวิตจากโรคประจำตัว ช่วง 05.30 น. วานนี้ (16 มิ.ย.) ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลลำปาง เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างลำปาง รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตบนรถทัวร์โดยสาร สายนครราชสีมา-เชียงใหม่ จอดอยู่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดลำปาง เทศบาลนครลำปาง ผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุ 38 ปี ชาว ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง นั่งมากับรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น ผู้เสียชีวิตนั่งอยู่ชั้น 2 ฝั่งซ้ายโซนด้านหลัง ซึ่งเป็นที่นั่งเดียว ขึ้นรถต้นทางจาก จ.นครราชสีมา ปลายทาง จ.ลำปาง โดยรถเข้าจอดที่ชานชาลา เจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ได้เชิญผู้โดยสารทั้งหมดลงมาจากรถ จากนั้นแพทย์เวรโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กู้ภัย ร่วมชันสูตรศพ ทำเอาผู้โดยสารที่นั่งมาในรถคันเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่นั่งด้านหน้าและหลัง ถึงกับสยอง […]

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย

ครูสาวเขียนจดหมายระบายความอัดอั้น ก่อนคิดสั้น-ศธ.สั่งสอบข้อเท็จจริง

บุรีรัมย์ 17 มิ.ย. – ครูสาวโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ เขียนจดหมายระบายความอัดอั้น “งานครูหนักและเครียดมากจนทนไม่ไหว” ก่อนตัดสินใจคิดสั้น ด้าน ศธ. สั่งสอบข้อเท็จจริง ยอมรับครูรับภาระหนัก ตำรวจพร้อมกู้ภัยได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตในบ้านหลังหนึ่ง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พบร่างของครูมัท วัย 39 ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ โดยครูตัดสินใจลาโลกด้วยตัวเอง ข้างร่างของครูมีจดหมายลาที่เขียนถึง 5 หน้ากระดาษ หน้าซองจดหมายเขียนไว้ว่า “จดหมายส่วนตัวถึงครอบครัวของฉัน” เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยหน้าที่ 1-4 ผู้ตายเขียนถึงพี่สาวซึ่งเป็นข้าราชการครู ลูกสาววัย 10 ขวบ และพ่อแม่ ส่วนหน้าที่ 5 เขียนถึงการทำงาน ถึงสาเหตุที่ลาโลกใบนี้ เพราะไม่สบายกายและไม่สบายใจ มีปัญหาเรื่องการทำงาน การเงิน การบัญชี ซึ่งพอกพูนจนแก้ไขได้ยาก ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะครูมัทเพียงคนเดียว เกิดจากกระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพภายในโรงเรียน ทำงานไม่เป็นระบบ ให้เบิกเงินก่อนเคลียร์เอกสารทีหลัง สุดท้ายนิ่งเฉย ไม่มีใครมาเคลียร์ให้ อันไหนเคลียร์เองได้ก็ดีไป แต่อันไหนเคลียร์ไม่ได้ก็ต้องมานั่งเครียดเองจนหัวจะระเบิด เป็นไมเกรนแทบทุกวัน […]

สาวโพสต์ถูกไฟดูดจากตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติห้างดัง

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – สาวโพสต์ถูกไฟตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติห้างดังดูดมือ ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายวัน ทำงานไม่ได้ กินข้าวไม่ได้ ชีวิตพัง ห้างโยนภาระให้เดินเอกสารเบิกกับโรงพยาบาลเอง สาวโพสต์ภาพพร้อมเล่าเรื่องราวเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา กำลังขับรถเข้าลานจอดรถห้างฯ แห่งหนึ่ง แล้วลดกระจกเอามือโบกระบบเซ็นเซอร์เพื่อรับบัตรจอด ปรากฏว่าถูกไฟดูดทั้งที่มือไม่ได้แตะโดนเครื่อง เพราะระบบเซ็นเซอร์ไม่ต้องสัมผัสโดน แค่โบกหน้าเครื่อง ตนเองรู้สึกไฟดูด แขนชา จี๊ดขึ้นหัว และชาลงไปถึงขา บัตรก็ไหลออกมาจากเครื่อง แต่ไม้กั้นรถไม่เปิด คาดว่าไฟฟ้าในเครื่องน่าจะขัดข้อง และไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณนั้นเลย จะกดปุ่ม SOS ขอความช่วยเหลือที่ตัวเครื่องก็ไม่กล้า เพราะกลัวถูกไฟดูดรอบ 2 จึงพยายามบีบแตรเรียกหลายครั้งกว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาหา พอเจ้าหน้าที่มาตนก็บอกว่าถูกไฟดูด แต่เจ้าหน้าที่มาเปิดไม้กั้นให้และไม่พูดอะไรต่อ เลยรีบเอารถเข้าไปในลานจอด จากนั้นรีบเดินไปที่จุดบริการลูกค้า เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะตอนนั้นชาไปครึ่งตัว เจ้าหน้าที่พาไปห้องพยาบาล เอาเจลเย็นมาประคบอยู่นานก็ไม่รู้สึกดีขึ้น แขนเริ่มไม่มีแรงยก เจ้าหน้าที่เห็นอาการหนักเลยพาไปโรงพยาบาลที่มีสัญญากับห้าง หมอตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจกับตรวจเลือดแล้วค่าปกติดี หมอสั่งยาและให้กลับบ้าน ทั้งที่ยังไม่หายชา ถึงขนาดแขนไม่มีแรงแม้แต่จะเซ็นเอกสาร หมอบอกว่าคุณไม่เคยข้อศอกกระแทกโต๊ะเหรอ ชาๆ เหมือนกัน เดี๋ยวก็หายเอง ตนเองจึงตั้งคำถามว่าจะหายเองจริงเหรอ เพราะยังทำอะไรไม่ได้เลย ตอนกลางคืนลองยกแขนนิ้วยังสั่นอยู่เลย กินยาคลายกล้ามเนื้อก็ไม่มีอะไรดีขึ้น […]

ข่าวแนะนำ

สยองหนุ่มลำปางเสียชีวิตบนรถทัวร์ พบติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อ

ลำปาง 17 มิ.ย.- จากเหตุหนุ่มวัย 38 ปี เสียชีวิตในรถทัวร์จากโคราชกลับบ้านที่ลำปางโดยที่เพื่อนร่วมทางไม่รู้ ผลชันสูตรพบติดเชื้อในกระแสเลือดจากโรคแบคทีเรียกินเนื้อ ที่เคยระบาดในญี่ปุ่น ซึ่งญาติยืนยันผู้ตายไม่มีโรคประจำตัว แต่เคยเป็นงูสวัดจนลามไปที่หูและพบอาการขาบวมไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อนเสียชีวิต ขณะที่แพทย์ระบุหากเกิดแผลมีโอกาสรับเชื้อแบคทีเรียจนเนื้อเน่าได้โดยเฉพาะกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ .-สำนักข่าวไทย

วันแรกห้ามคนไทยไปทำงาน “กาสิโน-สถานบันเทิง” ปอยเปต

กัมพูชา 17 มิ.ย. – ติดตามบรรยากาศวันแรกของการยกระดับมาตรการคุมเข้มการเดินทางข้ามไปที่กาสิโนฝั่งกัมพูชา ที่ด่านคลองลึก จ.สระแก้ว ด่านที่มีมูลค่าการค้าสูงสุดระหว่างไทยและกัมพูชา สำหรับวันแรกของมาตรการยกระดับตามคำสั่งกองกำลังบูรพาที่ห้ามไม่ให้คนไทยข้ามไปบ่อนและคาสิโนฝั่งกัมพูชาทั้งคนที่จะข้ามไปทำงานและเล่นการพนัน ในช่วงเช้าก่อนที่จะทราบมาตรการ พบมีคนไทยจำนวนมากนั่งต่อแถวยาวเหยียดตั้งแต่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองยาวไปจนถึงตลาดโรงเกลือระยะทาง 2 กิโลเมตร แต่เมื่อมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงมาตรการที่มีการยกระดับและให้คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินปรากฏว่าคนไทยที่นั่งต่อแถวได้แยกย้ายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้หลังการยกระดับคำสั่งของกองกำลังบูรพาพบว่าจากเดิมที่มีคนไทยข้ามไปฝั่งปอยเปตเฉลี่ยวันละ 4,000-5,000 คน วันนี้ปรากฏว่าเป็นคนไทยเดินทางข้ามไปเป็นความบังเอิญที่ตัวเลขทั้งข้ามไปโดย Flowing Pass หรือบัตรผ่านแดนชั่วคราวและข้ามไปโดยพาสปอร์ตมีตัวเลขตรงกันคือมีข้ามไปเพียงอย่างละ 196 คนเท่านั้น โดยมีรายงานว่าสำหรับคนที่ไม่ได้ข้ามไป ถ้าเป็นคนในพื้นที่ที่เคยข้ามไปทำงาน บางส่วนก็กลับไปที่บ้านพัก แต่สำหรับคนไทยที่ต้องการเดินทางข้ามไปกาสิโนฝั่งกัมพูชา บางส่วนก็เดินทางกลับต้นทาง แต่บางส่วนที่หวังว่า อาจมีการผ่อนคลายมาตรการ ก็เปิดรีสอร์ตหรือห้องพักต่างๆ ใกล้เคียงด่านเป็นที่พำนัก ทำให้ขณะนี้รีสอร์ตและโรงแรมต่างๆ ในอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว มีผู้เข้าพักเต็มในหลายที่ด้วยกัน พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว เปิดเผยว่าได้รับคำสั่งจากกองกำลังบูรพาตั้งแต่ค่ำวานนี้และถือปฏิบัติตั้งแต่เวลา 08.00 น. ที่ผ่านมา ดังนั้นประชาสัมพันธ์ถึงคนไทยที่อยู่ในฝั่งปอยเปตให้รีบเดินทางกลับมายังฝั่งไทยส่วนคนไทยที่จะเดินทางข้ามไปอย่างกัมพูชาหากไม่จำเป็นขอให้งดการเดินทาง ทั้งนี้สำหรับการรองรับหลังมีการควบคุมบริเวณด่านพรมแดนไม่ข้ามไปยังบ่อนกาสิโนฝั่งกัมพูชา พบว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะตำรวจตระเวนชายแดนและทหารพรานคุมเข้มตั้งแต่ต้นน้ำ และมีรายงานว่ามีการวางกำลังตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาในเขตจังหวัดสระแก้วเช่น เพื่อป้องกันการลักลอบใช้ช่องทางธรรมชาติเพื่อเข้าไปยังประเทศกัมพูชา.-สำนักข่าวไทย

บอร์ดค่าจ้างเคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท กทม.-บางกิจการ ตจว.

กทม. 17 มิ.ย.-แรงงานเฮ! ก.แรงงาน ขับเคลื่อนสำเร็จ “ปลัดบุญสงค์” เผยบอร์ดค่าจ้างเคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท พื้นที่กรุงเทพฯ และบางกิจการในต่างจังหวัด เริ่ม 1 ก.ค.นี้ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ชุดที่ 22 ครั้งที่ 6/2568 มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้น ค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ในหลายพื้นที่และกลุ่มกิจการทั่วประเทศ โดยถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการยกระดับรายได้ให้กับแรงงานไทย ตามแนวทางนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ที่มุ่งให้แรงงานไทยมีค่าจ้างที่เป็นธรรม และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน มติของที่ประชุมในวันนี้ ซึ่งประกอบด้วยกรรมการจากฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายรัฐบาล รวม 15 คน มีเสียงเห็นชอบ 2 ใน 3 โดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ดังนี้•พื้นที่กรุงเทพมหานคร ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน ทั่วพื้นที่•ต่างจังหวัด ปรับค่าแรง 400 บาท […]

นายกฯ เผยพร้อมอพยพคนไทยออกจากกรุงเตหะราน

พรรคเพื่อไทย 17 มิ.ย.-นายกฯ ย้ำความพร้อมหลังสถานทูตฯ สั่งคนไทยอพยพออกจากกรุงเตหะราน ปัดตอบ “อนุทิน” เตรียมเป็นฝ่ายค้าน หากยึดมหาดไทยคืน เมื่อเวลา 16.45 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน ออกแถลงการณ์อพยพคนไทยออกจากกรุงเตหะราน หลังจากสถานการณ์ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้ง แต่เดี๋ยวจะเช็กเลย น่าจะอพยพแล้ว เพราะเตรียมการไว้แล้วตั้งแต่เมื่อเช้า นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ตอบคำถามถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า หากกระทรวงมหาดไทยไม่ได้อยู่กับพรรคภูมิใจไทย ก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน โดยนายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับในทันที.-316.-สำนักข่าวไทย