กรุงเทพฯ 19 ก.ค.- ตลอดทั้งวันนี้สื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ต่างให้ความสนใจการตัดสินคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาเมื่อปี 2 ปีก่อน ซึ่งเวลาผ่านไปกว่า 10 ชั่วโมงศาลอ่านคำพิพากษาไปแล้วกว่า 60 คน
กว่า 10 ชั่วโมง ที่ศาลชั้นต้นอยู่ระหว่างอ่านคำพิพากษาคดีการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ซึ่งมีจำเลยทั้งหมด 103 คน จำหน่ายคดี 1 คนเนื่องจากเสียชีวิต คงเหลือจำเลย 102 คน ที่มีนายบรรจง ปองผล หรือโกจง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ เป็นจำเลยที่ 1 / นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล จำเลยที่ 29 / พลโทมนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก จำเลยที่ 54 ในความผิด 16 ข้อหา ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ฯ พ.ศ.2551 , พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ฯ พ.ศ.2546 ภายหลังโอนคดีจากศาลนาทวี มาพิจารณาคดีที่แผนกคดีค้ามนุษย์ของศาลอาญา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า อัยการโจทก์มีพยานซึ่งเป็นผู้เสียหายที่อยู่ในค่ายกักกันแคมป์คนงาน ที่เทือกเขาแก้ว ตำบลปาดังเบซา จังหวัดสงขลา รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความถึงการจัดตั้งแคมป์ควบคุมตัวต่างด้าว ชาวเมียนมาร์ บังกลาเทศ และความเป็นอยู่รวมทั้งจำเลยที่ได้ร่วมควบคุมแคมป์ และเป็นผู้จัดเสบียงอาหารน้ำ
ซึ่งข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจัดอาหารไม่เพียงพอ และถูกทำร้าย หากใช้โทรศัพท์ติดต่อญาติภายนอก นอกจากนี้ยังมีพยานที่เชื่อมโยงถึงอดีตผู้บริหารทัองถิ่นจังหวัดสงขลา ที่เป็นจำเลยร่วมในคดีนี้ว่า เป็นผู้จัดหาแรงหาในพื้นที่ปาดังเบซา และยังมีหลักฐานที่ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ เชื่อมโยงกับกลุ่มจำเลยในการจัดหาพาหนะขนส่งแรงงานชาวโรฮิงญา และควบคุมเส้นทางขนส่งแรงงาน สงขลา-ระนอง ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดร่วมกันค้ามนุษย์ บุคคลตั้งแต่ 15-18 ปี และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยจำเลยบางคนเป็นเจ้าพนักงานซึ่งตามกฎหมายต้องมีโทษเป็น 2 เท่า
สำหรับ นายบรรจง หรือโกจง จำเลยที่1 อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ มีพฤติการณ์จัดหาแรงงานในพื้นที่ปาดังเบซาร์
นายปัจจุบัน หรือโกโต้ง จากคำให้การของพยาน ฟังได้ว่า การลักลอบเคลื่อนย้ายชาวโรฮิงญาจะต้องผ่านนายโกโต้ง ซึ่งทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ผ่านทางรถและเรือไปทางประเทศมาเลเซีย
ส่วน พลโทมนัส เป็นเจ้าหน้าที่หัวหน้าชุดมีอำนาจโดยตรงในการผลักดันหรือปฏิเสธชาวโรฮิงญากลับประเทศ แต่ไม่ปฏิบัติหน้าที่กลับปล่อยให้ชาวโรฮิงญากลับเข้าไทยในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งพบหลักฐานการโอนเงินผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ เข้าบัญชีพลโมมนัสกว่า 14 ล้านบาทจึงเชื่อได้ว่าร่วมกับขบวนการค้ามนุษย์ มีส่วนร่วมอาชญากรรมข้ามชาติ
ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิเคราะห์จำเลยที่เหลือซึ่งคาดจะแล้วเสร็จในช่วงค่ำ เนื่องจากคำพิพากษามีความยาวเกือบ 500 หน้า ซึ่งถือเป็นคดีประวัติศาสตร์คดีค้ามนุษย์ลอตใหญ่
คดีนี้สืบเนื่องจากการกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา อย่างหนัก เมื่อปี 2558 หลังเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 ตำรวจทหารและฝ่ายปกครองสนธิกำลังเข้าค้นพื้นที่เทือกเขาแก้ว หมู่ 8 บ้านตะโละ ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา พบค่ายกักกันชาวโรฮิงญาจำนวนหลายสิบหลัง มีชายชาวโรฮิงญาป่วยหนัก 1 ราย และพบหลุมฝังศพรอบค่ายกักกัน 32 หลุม ซึ่งศพส่วนใหญ่ป่วยและอดอาหารจนเสียชีวิต บางศพมีร่องรอยถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ซึ่งการตรวจค้นครั้งนี้หลังขยายผลคดีที่ตำรวจ สภ.หัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช จับชาวโรฮิงญาที่ถูกขบวนการค้ามนุษย์ซุกซ่อนมากับรถกระบะ ขณะเตรียมส่งไปประเทศมาเลเซีย รวมถึงมีขบวนการนำพาคนได้ติดต่อเรียกค่าไถ่กับญาติ จำนวนตั้งแต่หลักหมื่นถึงแสนบาท.-สำนักข่าวไทย