ดีเอสไอ 12 ก.ค.-เหยื่อสาริกาลิ้นทอง ร้องดีเอสไอช่วยเหลือ หลังโดนหลอกไปรวมกว่า 500 ล้านบาท
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำผู้เสียหายจากการโดนหลอกลวงให้เป็นตัวแทนจำหน่ายสาริกาลิ้นทอง พระพิฆเนศ และเครื่องลางของขลัง ผ่านทางเฟซบุ๊คชื่อ Pumpuy apple shop และเฟซบุ๊ค สุมาลี เลิศวิลัย โดยมีผู้เสียหายที่เข้าร้องเรียนรวมกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เป็นผู้มารับเรื่อง
น.ส.ประวีณ์นุช จันทร์ประเสริฐ หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า มีอาชีพเป็นนักธุรกิจใน จ.ภูเก็ต โดนหลอกให้ลงทุนในการเป็นตัวแทนขายสาริกาลิ้นทอง ของขลังต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 8.6 ล้านบาท โดยพฤติกรรม ของนางสุมาลี ซึ่งเป็นเจ้าของเพจดังกล่าวจะใช้เฟซบุ๊คในการโฆษณาสินค้า และจะไลฟ์อวดอ้างสรรพคุณของสินค้าของขลังผ่านเพจเป็นประจำ จนมีผู้หลงเชื่อ และเมื่อมีผู้หลงสั่งสินค้าก็จะดูพฤติกรรมของผู้ซื้อหากเป็นคนมีเงินก็จะมีการชักชวนให้ซื้อสินค้าเมื่อเห็นว่ามีกำลังซื้อมาก ก็จะชวนให้รว่มทำธุรกิจเป็นตัวแทนขาย โดยจะรับประกันให้ผลตอบแทนตั้งแต่ ร้อยละ 5,10 และ 30 ต่อชิ้น ขึ้นอยู่กับระดับของการเป็นสมาชิก และหลอกว่า สาริกาลิ้นทองนำเข้ามาจากประเทศเมียนมา ทำจากไม้อำพัน ไม้หอมกฤษณาขาว ซึ่งหาได้ยากในป่าไทย กิโลกรัมละหลายแสนบาท ส่วนพระพิฆเนศก็นำเข้าจากอินเดียทุกองค์ ส่วนราคาสาริกาลิ้นทองนั้นมีหลายรุ่น แล้วแต่ความแรงของพลังงาน เริ่มตั้งแต่ 1,999 – 12,000 บาท ส่วนพระพิฆเนศ ราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน ส่วนกำไลหินมีตั้งแต่หลักพันถึงหมื่นเช่นกัน
ซึ่งตนเริ่มรู้สึกแปลกใจตั้งแต่ไม่มีการจดทะเบียนบริษัท ไม่มีการทำสัญญาซื้อขาย ไม่มีการออกใบเสร็จรับเงินและไม่สามารถแสดงเอกสารการนำเข้าสินค้าและรายการการเสียภาษีศุลกากรให้กับลูกค้าได้ รวมทั้งมารู้ตัวชัดเจนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาหลังนายอัจฉริยะ นำไม้ในสาริกาลิ้นทองให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตรวจสอบ ไม่ใช่ไม้กฤษณาขาว อย่างที่อ้างและไม้ที่อ้างไม่มีอยู่จริง และนำเอกสารว่าสินค้าทั้งหมดผลิตและจำหน่ายในประเทศจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก แต่เมื่อตนลงทุนทำร้านและสั่งสินค้าไปแล้วกว่า 8 ล้านบาทจึงถอยไม่ได้ ก็พยายามขาย และแจกจ่ายของออกไป ตอนนี้ก็ยังมีสินค้าค้าสต๊อคอีกกว่า 2 ล้านบาท ตอนนี้สิ่งที่ต้องการที่สุดคือต้องการเงินคืนเพราะยังมีหลายรายที่โดนหลอก ล่าสุดทราบว่ามีเหยื่อที่ราชบุรีโดนหลอกลงทุนไปกว่า 10 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้มาร้องทุกข์เนื่องจากยังทำใจไม่ได้
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า หลังจากรับเรื่องจะนำส่งต่อให้คณะกรรมการตรวจสอบเอกสารหลักฐานเพื่อส่งต่อให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณาอีกครั้งว่าจะรับเป็นคดีพิดศษได้หรือไม่ แต่เบื้องต้นจากการตรวจสอบข้อมูล พบว่ามีเรื่องของภาษีเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องให้หน่วยงานด้านภาษี ประสานกับกรมศุลกากร ในการตรวจสอบ ว่าจะสามารถดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดได้มากน้อยเพียงใด .-สำนักข่าวไทย