ชุมพร 10 ก.ค.-ด.ญ.ชั้น ม.1 ถูกเพื่อนทำร้าย-ถอดเสื้อยกทรง ถ่ายคลิปประจาน พ่อแม่เหยื่อแจ้งความแล้ว
จากกรณีที่มีนักเรียนหญิงทำร้ายเด็กนักเรียนหญิงขณะก้มลงกราบเท้าแล้วตบตีเตะต่อยอย่างรุนแรงนานหลายนาทีและยังจับถอดเสื้อผ้า โดยมีเพื่อนนักเรียนชายใช้โทรศัพท์มือถือยืนถ่ายคลิปให้ แล้วนำไปส่งประจานทางสื่อออนไลน์ มีการแชร์ส่งต่อๆ กัน จนเป็นกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ถึงความรุนแรงของเด็กนักเรียนสมัยนี้ไปต่างๆ นาๆ โดยเหตุเกิดบนสะพานข้ามคลองถนนคอนกรีตในหมู่บ้านนาดอน หมู่ที่ 1 ตำบลท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ของช่วงเย็นวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 10 กรกฎาคม 2560 ที่สถานีตำรวจภูธรท่าแซะ ผู้ปกครองของนักเรียนทั้งสองฝ่าย ได้นำเด็กนักเรียนผู้เสียหายชื่อ เด็กหญิงน้ำ นามสมมุติ อายุ 13 ปี บ้านอยู่ตำบลท่าแซะ นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง และเด็กนักเรียนหญิงคู่กรณีที่เป็นผู้ก่อเหตุชื่อ เด็กหญิงเก๋ง นามสมมุติ อายุ 13 ปี บ้านอยู่ตำบลทรัพย์อนันต์ นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง พร้อมกับเพื่อนนักเรียนชายอีก 3 คน วัยเดียวกันที่ร่วมก่อเหตุยืนถ่ายคลิปอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว เข้าพบกับ พ.ต.ท.วิชัย ต้นกันยา รอง ผกก.สอบสวน สภ.ท่าแซะ
จากการสอบสวนทราบว่า สาเหตุมาจาก เด็กหญิงเก่งผู้ก่อเหตุกับเด็กหญิงน้ำผู้เสียหาย เป็นนักเรียนชั้น ม.1 ต่างสถาบันกัน ซึ่งโรงเรียนดังกล่าวอยู่ในพื้นที่อำเภอเดียวกัน เนื่องจากเด็กหญิงเก๋งผู้ก่อเหตุมีความโกรธแค้นแทนเพื่อนรักที่เห็นเด็กหญิงน้ำผู้เสียหายได้ยืนคุยกับนักเรียนชายที่เป็นแฟนของเพื่อนรักตนเอง ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเด็กหญิงน้ำจะแย่งแฟนของเพื่อนไป จึงพาเพื่อนชาย 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์ไปตามหาจนเจอตัวขณะปั่นรถจักรยานอยู่กับน้องชายแล้วบังคับพาไปกลางสะพานข้ามคลองบนถนนในหมู่บ้าน แม้ขณะนั้นเด็กหญิงน้ำจะก้มลงกราบเท้าขอโทษบนพื้นถนนกลางสะพานแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ฟังเสียงได้ลงมือทุบตีทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงจนบาดเจ็บมีบาดแผลเขี้ยวช้ำไปทั่วตัว แล้วให้เพื่อนชายยืนถ่ายคลิปจากโทรศัพท์มือถือนำไปส่งไปให้เพื่อนๆ ดูเพื่อประจาน จนมีการส่งต่อๆ กันกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ไปทั่วดังกล่าว
ภายหลังการสอบสวน พ.ต.ท.วิชัย กล่าวว่าผู้ปกครองได้นำเด็กนักเรียนหญิงผู้เสียหายมาให้ปากคำรวมทั้งผู้ก่อเหตุซึ่งมีเด็กหญิงหนึ่งคนเด็กชายสามคน เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหากับนักเรียนหญิงผู้ก่อเหตุ 2 ข้อหา คือทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากเด็กหญิงผู้ก่อเหตุเป็นผู้นำคลิปไปส่งต่อให้เพื่อนๆ ส่วนนักเรียนชายอีก 3 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยไม่ได้ร่วมกันทำร้ายแต่ยืนดูและถ่ายคลิปให้กับผู้ก่อเหตุ จึงแจ้งข้อหาเป็นผู้ร่วมสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิด แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะต้องมีเจ้าหน้าที่จากสหวิชาชีพเข้าร่วมสอบสวนด้วยเพื่อความเป็นธรรมและเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมาย เพราะผู้เสียหายเป็นเด็กทั้งหมด
ด้าน นางน้อย 50 ปี และนายมาก อายุ 50 ปี นามสมมุติสองสามีภรรยาและเป็นพ่อแม่ของเด็กหญิงเก๋งนามสมมุติผู้ก่อเหตุ กล่าวว่ารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อทราบข่าวและเห็นคลิปที่ลูกสาวไปทำร้ายผู้อื่นถึงกับหมดเรี่ยวแรงเป็นลม ส่วนสาเหตุไม่ทราบรายละเอียดอะไรมากนัก รู้เพียงว่าลูกสาวเจ็บแค้นแทนเพื่อนแล้วไปก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
ขณะที่ นายเย็น นามสมมุติ อายุ 41 ปี บิดาของเด็กหญิงน้ำนามสมมุติผู้เสียหาย กล่าวว่าหลังทราบข่าวและเห็นคลิปแล้วยอมรับว่าทำใจไม่ได้จริงๆ แต่ได้ถูกญาติๆและผู้ใหญ่หลายฝ่ายห้ามปรามไว้ว่าให้ใจเย็นๆ อย่าทำอะไรวู่วามปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำเนินคดีไปตามกฎหมายจะดีกว่า โดยช่วงเกิดเหตุทราบจากลูกชายอายุ 9 ขวบ มาบอกว่าขณะที่ลูกชายออกไปปั่นรถจักรยานกับเด็กหญิงน้ำ ซึ่งเป็นพี่สาวอยู่บนถนนในหมู่บ้าน ได้มีเด็กหญิงเก๋งคู่กรณีขับรถจักรยานยนต์มากันสองคันพร้อมกับเด็กชาย 3 คน มาจอดขวางหน้ารถจักรยานที่ลูกสาวตนเองกำลังปั่นโดยมีน้องชายวัย 9 ขวบนั่งซ้อนท้าย แล้วเด็กหญิงน้ำบังคับให้ลูกสาวตนเองนั่งซ้อนท้ายไปด้วย แล้วบอกกับลูกชายว่าห้ามไปบอกพ่อแม่เด็ดขาด แล้วได้ขับพาเด็กหญิงน้ำลูกสาวตนเองออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นลูกชายได้ปั่นจักรยานไล่ตามไปและหาอยู่พักใหญ่แต่ไม่เจอตัว จนกลับมาบอกตนเองแล้วมาเห็นสภาพลูกสาวกลับมาในสภาพถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเขียวช้ำไปทั่วตัว แล้วยังมีการส่งคลิปประจานไปทั่ว เมื่อตนเองเห็นภาพแล้วรับไม่ได้จริงๆ จึงต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป.-สำนักข่าวไทย