สมุทรสาคร 5 ก.ค.- เจอตัวแล้ว ชายสูงวัยในคลิปขับรถเบนซ์ตบนักเรียนกลางถนนย่านสมุทรสาคร ยอมรับเครียดงานและห่วงลูกป่วยไข้เลือดออก พร้อมขอโทษผ่านสื่อ ก่อนไปพบเด็กถึงบ้านและมอบเงินปลอบขวัญ ขณะที่ตำรวจเตรียมนัดทั้ง 2 ฝ่ายมาให้การ
กรณีมีการโพสต์คลิปภาพเหตุการณ์คนขับรถเบนซ์เป็นชายสูงวัยตบศีรษะนักเรียนชายที่ขี่รถจักรยานยนต์ชนท้ายรถ บนถนนเศรษฐกิจ รอยต่อ อ.กระทุ่มแบน และ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ทำให้หลายคนคอมเมนต์ติติงการกระทำของชายรายนี้ ล่าสุดเจอตัวชายสูงวัยในคลิปภาพดังกล่าวแล้ว คือ นายมานะ (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี บ้านอยู่ อ.เมืองสมุทรสาคร เปิดใจด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวานนี้ (4 ก.ค.) ซึ่งรู้สึกผิดมากที่ทำไปอย่างขาดสติกับนักเรียนคนขับขี่รถจักรยานยนต์ และขอรับผลจากการกระทำของตัวเอง ไม่มีคำแก้ตัวใดๆ เพราะขณะนี้ก็ถูกกระแสโซเชียลกระหน่ำต่อว่าอย่างมาก ตอนนี้ฝากขอโทษทั้งเด็กและครอบครัวผ่านสื่อมวลชนก่อน จากนั้นจะไปขอโทษกับตัวเด็กเองที่บ้านอีกครั้ง และเตรียมมอบเงินปลอบขวัญด้วย
นายมานะ เล่าถึงเหตุการณ์ด้วยว่า ในวันดังกล่าวตนมีปัญหากับลูกค้าและถูกต่อว่าที่ทำงานผิดพลาด ประกอบกับลูกสาวไม่สบายด้วยโรคไข้เลือดออก อยู่ในห้องไอซียู และอยากกินห่อหมก จึงชวนเพื่อนไปซื้อห่อหมกให้ลูก พอขับรถกลับมาถึงที่เกิดเหตุ ตนก็จอดรถจะส่งเพื่อนลง และถูกนักเรียนขี่รถจักรยานยนต์ชนท้าย จึงเกิดอารมณ์โมโห ขาดสติ ลงไปตบบริเวณข้างใบหน้าเด็ก 1 ที แล้วพูดจาต่อว่าเด็ก ส่วนที่ให้เด็กโทรเรียกพ่อมานั้น ก็เพราะต้องการให้พ่อเด็กมารับทราบพฤติกรรมลูกชายที่ขับรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และไม่สวมหมวกกันน็อกด้วย แต่เด็กบอกจำเบอร์โทรพ่อไม่ได้ สักพักหนึ่งจึงปล่อยให้เด็กขับรถกลับไป
นายมานะ กล่าวอีกว่า สำหรับเฟซบุ๊กของตนนั้น พบว่ามีเฟซบุ๊กปลอมขึ้นเพื่อตอบโต้คนที่โพสต์แสดงความคิดเห็น ขอชี้แจงว่า เฟซบุ๊กที่ปรากฏในขณะนี้ไม่ใช่ของตนเอง และช่วงนี้จำเป็นต้องปิดโทรศัพท์มือถือ เพราะมีคนโทรมาต่อว่ากันมาก
ด้าน พ.ต.อ.วิเชียร ประทุมรัตน์ ผกก.สภ.กระทุ่มแบน กล่าวว่า คนขับรถเบนซ์นั้นไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นอดีตตำรวจอาสา หรืออดีตตำรวจบ้านของ สภ.เมืองสมุทรสาคร ซึ่งได้รับการประสานมาแล้วว่า คนขับรถเบนซ์จะมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ส่วนเด็กอยู่ระหว่างการติดต่อมาให้ปากคำเช่นกัน และการดำเนินคดีก็ต้องรอให้การสอบปากคำทั้ง 2 ฝ่ายเสร็จสิ้นก่อน รวมทั้งให้เด็กไปตรวจร่างกายด้วยว่าได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด ซึ่งการจะกล่าวโทษหรือตั้งข้อกล่าวหานั้น ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ยืนยัน เพื่อประกอบการตั้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย