อนุสาวรีย์ชัยฯ 29 มิ.ย.- ศวปถ. รณรงค์ต้าน“ดื่มแล้วขับ” หลังพบข้อมูลใบมรณบัตร คนไทยเสียชีวิตบทท้องถนน1.5 หมื่นคนต่อปี แถมยังมีตำรวจจราจร เป็นเหยื่อเมาแล้วขับ 49 ราย
ในเวทีเสวนา“โศกนาฏกรรมดื่มแล้วขับ ถอดบทเรียนสองฝ่าย(ผู้ก่อเหตุ–ผู้สูญเสีย)…ปัญหาและทางออก” นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน(ศวปถ.) กล่าวว่า จากข้อมูลสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ข้อมูลใบมรณบัตรและหนังสือรับรองการตาย ที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มมากขึ้นเฉลี่ยประมาณ15,000 รายต่อปี ในส่วนนี้มีแอลกอฮอล์เข้าไปเกี่ยวข้องสูงถึง1ใน4 หรือ ร้อยละ 25 ขณะที่ยอดการเสียชีวิตบนท้องถนนเฉลี่ย40รายต่อวัน 1ใน4 มีแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนใหญ่จะเป็นเหยื่อถูกคนเมาขับรถชน
จากการเก็บข้อมูลในรอบ 3 ปี พบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกลายเป็นเหยื่อเมาแล้วขับกว่า49 ราย เสียชีวิต 13 ราย
นอกจากนี้ ยังพบว่าช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา สาเหตุเมาแล้วขับเพิ่มมากขึ้นจากเดิมร้อยละ 34 เพิ่มเป็นร้อยละ 43 เสียชีวิต เพิ่มร้อยละ32 จากเดิมร้อยละ 17 ที่น่าห่วงคือมีเด็กอายุต่ำกว่า20ปีบาดเจ็บเข้ารับการรักษา1,674ราย หรือวันละ239ราย ชี้ให้เห็นว่า แอลกอฮอล์ยังเป็นปัจจัยร่วมทำให้เด็กอายุต่ำกว่า20ปีบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่มีพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ.2551 ซึ่งห้ามขายให้เด็กต่ำกว่า20ปี
ทั้งนี้สาเหตุที่อัตราการดื่มแล้วขับเพิ่มขึ้น คาดว่ามาจาก การตั้งด่านตรวจที่น้อยลง และมีการใช้สื่อโซเชียล ทั้งเฟสบุ๊ค ไลน์ในกลุ่มนักดื่มแจ้งเตือนด่านตรวจเมาแล้วขับ อีกทั้งกฎหมายก็การจับดำเนินการเมาแล้วขับ แค่การรอลงอาญา หรือจับหลอกทำให้ขาดความยำเกรง จึงควรเพิ่มโทษให้มากกว่ารอลงอาญา
นายวิชาญ นายสอง อายุ59ปี ชาวจังหวัดเพชรบุรี อาชีพรับเหมาก่อสร้าง กล่าวถึงบทเรียนชีวิตก่อเหตุดื่มแล้วขับ เมื่อ7 ปีก่อน ตนดื่มสุราแล้วขับรถชน ด.ต.อนุศักดิ์ ขมิ้นทอง ผู้บังคับการหมู่ สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ1ขณะปฏิบัติหน้าที่จนบาดเจ็บขาซ้ายขาด กระทั่งถูกตำรวจดำเนินคดีขอหา เมาแล้วขับและขับรถโดยประมาท จำคุก 2 ปี รอลงอาญา ปรับหมื่นกว่าบาท และได้เสียค่ารักษาพยาบาลพร้อมชดเชยค่าเสียหายรวมแล้วกว่า 2 ล้านบาท ตอนนั้นยอมรับสภาพทุกอย่างไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเพราะเราผิดมาก ทุกวันนี้ก็รู้สึกสำนึกผิดตลอดเวลา
ด้าน ด.ต.อนุศักดิ์ ขมิ้นทอง ผู้บังคับการหมู่ สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 1 ในฐานะเหยื่อผู้สูญเสีย พิการขาซ้ายขาดจากคนดื่มแล้วขับ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น ชีวิตเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ต้องถูกตัดขาซ้ายใส่ขาเทียม ส่วนขาขวาใช้เหล็กดามไว้ ส่วนภรรยาต้องออกไปค้าขายเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว ซึ่งตนยังโชคดีที่หน่วยงานในสังกัดให้โอกาสได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม แม้ไม่ได้ไปอยู่ฝ่ายจราจร แต่จะมีหน้าที่ดูแลงานด้านเอกสารต่างๆ แต่ก็มีอุปสรรคเพราะเคลื่อนไหวช้า แต่ยังดีที่เพื่อนร่วมงานคอยช่วยเหลือในทุกๆด้าน.-สำนักข่าวไทย