กรมอุทยานฯระบุ แบ่งรายได้ให้อปท.ร้อยละ40 กระทบพัฒนาอุทยานและสวัสดิการเจ้าหน้าที่

กรมอุทยานฯ 21 มิ.ย.- กรมอุทยานแห่งชาติฯระบุ การแบ่งเงินรายได้จากอุทยานแห่งชาติเข้าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ร้อยละ 40 กระทบการพัฒนาอุทยานแห่งชาติและการดูแลสวัสดิการเจ้าหน้าที่ เพราะเงินจากภาครัฐไม่เพียงพอ ขณะที่ อปท. ได้รับเงินสนับสนุนจากหลายส่วนอยู่แล้ว 


นายสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีข่าวว่าคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) มีมติเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2559 เห็นชอบให้เสนอ กระทรวงมหาดไทย แก้กฎหมายมหาดไทยให้แบ่งเงินรายได้ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จากเดิมร้อยละ 5 เพิ่มเป็นร้อยละ 40 หรือเรียกเพิ่มขึ้นมากถึง 8 เท่า ว่า จะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชที่จะนำเงินรายได้อุทยานแห่งชาติมาเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการหรือเงินช่วยเหลือให้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในการคุ้มครอง ดูแล รักษาอุทยานแห่งชาติและทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่  ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ ที่สำคัญอุทยานแห่งชาติบางแห่งไม่สามารถเปิดบริการประชาชนได้ตลอดทั้งปีบางช่วงฤดูกาลอาจต้องปิดพื้นที่การท่องเที่ยว เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติ ได้รับการฟื้นฟู ส่วนอุทยานแห่งชาติบางแห่งต้องใช้งบประมาณลงทุนฟื้นฟูระบบนิเวศและแหล่งท่องเที่ยว และการลงทุนเพื่อการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้รับเงินรายได้จากหลายส่วน เช่น ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีป้ายอากรการฆ่าสัตว์และค่าธรรมเนียม ผลประโยชน์อื่นอันเกิดจากการฆ่าสัตว์ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในการเล่นการพนัน ค่าภาคหลวงและค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ รวมถึง รายได้ทางอ้อมการจำหน่ายสินค้าต่างๆของชุมชนรอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติ 

ทั้งนี้ หากคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต้องหารือร่วมกันกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูความเหมาะสมและความจำเป็น โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ที่ต้องการเงินรายได้จากอุยานฯเพิ่มไปใช้เพื่อสิ่งใด 


โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวย้ำว่า ปัจจุบันนี้มีอุทยานแห่งชาติหลายแห่งใช้เงินรายได้มาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว บ้านพัก ห้องน้ำ ซึ่งกว่า 150 อุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ พบว่า เก็บเงินรายได้ประมาณ 100 ล้านบาทขึ้นไปมีเพียง 4 อุทยานเท่านั้น   เก็บเงินรายได้ประมาณ 10 ล้านบาทขึ้นไปมีเพียง 20 อุทยาน  ส่วนที่เหลือเก็บเงินรายได้ต่ำกว่า 10 ล้านบาท หรือบางแห่งเก็บเงินรายได้เพียงหลักแสนเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง