ภูมิภาค 1 พ.ย.-ชาวนาหลายพื้นที่ชะลอการเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกนาปี และการชะลอการนำไปขาย เพื่อรอการช่วยเหลือตามนโยบายของรัฐบาล
ชาวนา จ.บุรีรัมย์ กว่าร้อยละ 90 ชะลอการเก็บเกี่ยวข้าว และนำข้าวเปลือกนาปีไปขายท่าข้าวและโรงสี หลังรัฐบาลกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ จึงทำให้ทั้งโรงสีและท่าข้าวหลายแห่งเงียบเหงา คาดว่าหากราคาข้าวเปลือกสูงขึ้นกว่านี้ ชาวนาจะทำการเก็บเกี่ยวและนำข้าวมาขายตามปกติ ช่วงนี้ชาวนาจึงตากข้าวเพื่อลดความชื้นไว้รอเข้าร่วมโครงการรัฐบาล ขณะที่ผู้ประกอบการท่าข้าวและชาวนาออกมายืนยันว่า ข้าวที่นำไปขายช่วงนี้เป็นข้าวหอมมะลินาปี ไม่ใช่ข้าวนาปรังตามที่หลายฝ่ายออกมาระบุ เพราะจังหวัดภาคอีสานเป็นพื้นที่แห้งแล้งไม่สามารถทำนาปรังได้ ประกอบกับรัฐบาลไม่ได้ส่งเสริมให้ทำนาปรังด้วย
ส่วนที่สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สุรินทร์ จำกัด อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นสถานที่เปิดจุดรับชื้อข้าวเปลือกหอมมะลิของโรงสีขนาดใหญ่ พบว่าพนักงานของโรงสีข้าวยังรับชื้อข้าวเปลือกหอมมะลิตามปกติ แต่มีเกษตรกรนำข้าวไปขายน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกันช่วงเริ่มเกี่ยวข้าว เนื่องจากชาวนาได้รับแจ้งจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้ชะลอการขายข้าวเปลือกความชื้นสูง ตามนโยบายแก้ไขปัญหาราคาข้าวของรัฐบาล
ขณะที่ผู้ประกอบรถเกี่ยวนวดข้าว อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร พร้อมใจกันปรับลดราคาอัตราค่าจ้างเกี่ยวนวดข้าวให้ชาวนา โดยคิดอัตราค่าจ้างอยู่เพียงไร่ละ 500 บาทเท่านั้น จากเดิมคิดค่าจ้างเกี่ยวนวดข้าวสูงถึงไร่ละ 650-700 บาท เพื่อเป็นการช่วยเหลือ และลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร เนื่องจากปีนี้ต้องเผชิญกับปัญหาผลผลิตตกต่ำ เหลือเพียงกิโลกรัมละ 6 บาทเท่านั้น
ส่วนชาวนา อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปี นำไปตากให้แห้ง ก่อนเก็บไว้ในยุ้งฉาง และชะลอการขายข้าวเปลือกหอมมะลิ ตามนโยบายการช่วยเหลือของรัฐบาล ชาวนาบางรายนำไปตากแดดบริเวณลานวัด เพื่อลดความชื้น เมื่อข้าวแห้งสนิทดี จะนำใส่กระสอบนำไปเก็บไว้ในยุ้งฉาง เพื่อรอให้ราคาข้าวหอมมะลิในตลาดสินค้าเกษตรปรับราคาสูงขึ้นจึงค่อยนำออกมาขาย.-สำนักข่าวไทย