ทำเนียบฯ 16 มิ.ย.- “ออมสิน” เชื่อ กรณีทุจริตเงินทอนวัด ไม่กระทบศรัทธาพระพุทธศาสนา ขอประชาชนแยกแยะ อย่ากลาวพาดพิงพระสงฆ์โดยรวม ขณะที่ ผอ.พศ. ระบุ ยังไม่สั่งพักงาน 2 ข้าราชการ พศ.เอี่ยวทุจริตเงินทอนวัด เผย พระสงฆ์และฆราวาส เข้าให้ข้อมูลรูปแบบการกระทำผิดเพิ่ม
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ความคืบหน้าการดำเนินคดีกับข้าราชการและพลเรือน รวม 8 คน กรณีการทุจริตเรียกเงินทอนจากวัด ว่า ต้องรอให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ทำหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งล่าสุด พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทำให้คดีความในชั้นตำรวจต้องมีการสอบสวน
“เชื่อว่า การทุจริตที่เกิดขึ้น จะไม่กระทบต่อความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของประเทศไทย เพราะหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า มีแต่แนวทางในด้านดี เพียงแต่การนำไปปฏิบัติ อาจจะไม่ถูกต้องไปบ้าง ขอประชาชนแยกแยะ ไม่อยากให้กล่าวพาดพิงพระสงฆ์ เพราะพระสงฆ์บางรูปอาจไม่รู้เรื่องเงินทอนวัด ฆราวาสอาจไปหลอกพระสงฆ์ได้” นายออมสิน กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการ พศ. กล่าวเรื่องเดียวกันนี้ ว่า คดีนี้มีเจ้าหน้าที่ พศ.เข้าไปเกี่ยวข้องทั้งหมด 4 ราย โดยเป็นอดีตข้าราชการ 2 ราย และเป็นข้าราชการ 2 ราย ซึ่งในขั้นนี้ยังไม่มีการสั่งพักงาน เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน ที่กำหนดไว้ ขณะนี้ยังอยู่ในชั้นตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อหามูลความผิด ก่อนคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย
พ.ต.ท.พงศ์ธร กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดการทุจริตขึ้น นอกเหนือจาก 12 วัดแล้ว ยังมีพระสงฆ์วัดอื่นและฆราวาสมาให้ข้อมูลถึงรูปแบบการกระทำความผิด ซึ่งรูปแบบการทุจริตในอดีตที่ผ่านมา ไม่มีความซับซ้อนและมีพื้นฐานการทุจริตที่คล้ายกัน แต่มีวิธีการตัดต่อในรายละเอียดไม่เหมือนกัน
“หากการสืบสวนพบพระสงฆ์กระทำผิดวินัย ก็ต้องมีการนำเรื่องส่งฝ่ายสงฆ์ ทั้งนี้ ส่วนตัวยินดีให้ข้อมูลที่ชัดเจนกับสื่อมวลชน เพราะไม่อยากให้กระทบต่อพระพุทธศาสนา” พ.ต.ท.พงศ์ธร กล่าว และว่า จะมีการหารือกับทางมหาเถรสมาคม แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลาที่แน่ชัด.- สำนักข่าวไทย