ดีเอสไอ 16 มิ.ย.- กรมศุลกากร เผยรถ 32 คันที่ดีเอสไอให้ตรวจสอบ ทำรัฐสูญภาษี 650 ล้านบาท กำชับเจ้าหน้าที่ประจำท่าทุกท่าคุมเข้มทุกขั้นตอน ไม่ให้ผู้นำเข้าอาศัยช่องโหว่ปล่อยให้มีการจ่ายภาษีต่ำกว่าความเป็นจริง
พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พร้อมด้วย พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงข่าว กรณีการดำ เนินคดีการนำเข้ารถยนต์หรูสำแดงราคาต่ำ นายกุลิศ กล่าวว่า ขณะนี้รายชื่อจำนวนรถ 32 คันที่ดีเอสไอส่งมาให้กรมศุลฯประเมินราคาภาษี ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นและส่งกลับให้ดีเอสไอ นำไปใช้เป็นหลักฐานในการดำ เนินคดีกับผู้นำเข้าและผู้ครอบครองแล้ว พบว่าจำนวนรถ 32 คันอากรภาษีขาดรวมกันถึง 650 ล้านบาท มีบางคันสำแดงราคาเสียภาษีแค่ 8 ล้าน แต่แท้จริงภาษีที่ต้องจ่ายถึง 60 ล้านบาทก็มี
การทำงานของกรมศุลกากรหลังจากนี้ จะต้องมีการปรับปรุงกฎเกณฑ์การประเมินราคารถนำเข้าใหม่ทั้งหมด ที่ใช้มาตั้งแต่ ปี 2547 หรือกว่า 13 ปีมาแล้ว ซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดหรือมีความไม่ทันสมัย จึงต้องรื้อเกณฑ์ใหม่ทั้งหมด ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนหน้า จากนั้นจึงจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาตรวจสอบเกณฑ์ที่ทำว่ามีความถูกต้องเหมาะสม อยู่บนพื้นฐานที่เป็นธรรมหรือไม่ เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไข ก่อนประกาศใช้ต่อไป ซึ่งระหว่างรอเกณฑ์ใหม่กรม ศุลฯจะยังให้ใช้เกณฑ์เก่าไปก่อน แต่ย้ำกำชับเจ้าหน้าที่ประจำท่าทุกท่าคุมเข้มทุกขั้นตอน เพื่อไม่ให้ผู้นำเข้าอาศัยช่องโหว่ปล่อยให้มีการจ่ายภาษีต่ำกว่าความเป็นจริง
พันตำรวจโท กรวัชร์ กล่าวว่า ในจำนวน 32 คันที่สำแดงราคาเท็จ มีทั้งมาจาก ดีลเลอร์ หรือตัวแทนจำหน่ายโดยตรง และกลุ่มเกรย์มาเก็ต โดยทั้ง 32 คัน ทุกคันนั้นขาดภาษีไม่ต่ำกว่าคันละ 10 ล้านบาท คันที่พบขาดภาษีมากที่สุดคือ ยี่ห้อ Lexus รุ่น LFA COUPE ภาษีอากรขาดรวม 52 ล้านบาท รองลงมาคือ ลัมโบกินี่ รุ่น MURCIELAGO อากรขาดไป 30 ล้านบาทลักษณะที่ผู้นำเข้าแจ้งมาจะเป็นใน 2 ลักษณะ คือ แจ้งเสียอากรเป็นคนละรุ่นซึ่งในล็อคนี้พบ 8 คัน เป็นรถยี่ห้อลัมโบกินี่ รถรุ่นจริงคือ อาเวนทาดอร์ แต่แจ้งต่อกรมศุลกากรเป็น กัลลาโด้ เมื่อผ่านขั้นตอนเสียภาษี แต่กลับไปจดทะเบียนที่กรมการขนส่งเป็นรุ่นที่แท้จริง โดยแค่ 8 คัน ภาษีหายไป 132 ล้าน อีกลัษณะคือ แจ้งเข้ามาเป็นรถจดประกอบ ในล็อตนี้พบ 2 คันเป็นลัมโบกินี่ทั้งหมด แจ้งต่อกรมศุลกากรว่า ราคาอะไหล่ทั้งหมดรวมแค่ 9 แสนบาท เสียภาษีเพียงร้อยละ 80 ทั้งที่การตรวจสอบพบนำเข้ามาทั้งคัน อากรขาดไปเฉลี่ยคันละ 20 ล้านบาท ตอนนี้กำลังเร่งรวมรวมหลัก ฐานที่ได้จากกรมศุลกากรไปดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดต่อไป ส่วนล็อตต่อไปที่จะส่งให้ประเมินภาษี จะมีอีกกว่า 300 คัน ซึ่งเป็นรถที่อายัดไว้ก่อนหน้านี้ 122 คัน และรวมกับรถที่อยู่ในความครอบครองแล้วด้วย ส่วนรถที่ขโมยมาจากอังกฤษ จากเดิมที่เคยแจ้งไปแล้วว่าพบแล้ว 15 คัน ขณะนี้มีความคืบหน้าในคดีโดยพบรถเพิ่มเติม แต่ไม่สามารถแจ้งได้ว่าพบมากน้อยเพียงใด ต้องขอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
นอกจากนี้ ดีเอสไอ ได้ดำเนินการสืบสวนคดีรถหรูที่ถูกไฟไหม้ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี 2556 เดิมรถทั้งหมดแจ้งว่าเป็นรถจดประ กอบ แต่จากการประสานข้อมูลกับกรมศุลกากร ทำให้เชื่อว่ารถทั้งหมดนำเข้ามาในราชอาณาจักรทั้งคัน โดยมีขบวนการปลอมแปลงเอกสารว่านำเข้ามาเป็นชิ้นส่วน มีบริษัทนำเข้าตัวถัง บริษัทนำเข้าเครื่องยนต์ และส่งต่อให้บริษัทรถยนต์นำไปเสียภาษีสรรพสามิต เพื่อนำไปขอจดทะเบียนต่อกรมการขนส่งทางบก ซึ่งราคารถจดประกอบจะเสียภาษีเป็นชิ้นส่วน โดยมีการเรียกเก็บภาษีเพียงร้อยละ 80 จากราคาที่สำแดง ขณะที่รถนำเข้าทั้งคันจะมีการเรียกเก็บภาษีสูงสุดถึงร้อยละ 328 จากราคาที่ซื้อ ขณะนี้ดีเอสไอ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับบริษัทต่าง ๆ และผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย