ดีเอสไอ 8 มิ.ย.-ทนายอิสระพบดีเอสไอตามคืบคดีทุจริตกรุงไทย ย้ำไม่ได้มาเพื่อยื้อเวลาสรุปสำนวนคดีฟอกเงินของนายพานทองแท้ ชินวัตร
นายวันชัย บุนนาค ทนายความอิสระ เดินทางมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ DSI อีกครั้งโดยกล่าวว่า ตัองการให้ดีเอสไอดำเนินการสอบสวนคดีฟอกเงินกับธนาคารกรุงเทพและอดีตบอร์ดของธนาคารกรุงไทยจำนวน 2 คน คือ นายอุตตม สาวนายน และนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ ซึ่งดีเอสไอยังไม่มีความเห็นสั่งฟ้องกรณีอนุมัติปล่อยสินเชื่อธนาคารกรุงไทย 8 พันล้านบาท ให้กับกลุ่มกฤษฎามหานครและบริษัทในเครือ ที่นำไปชำระหนี้ให้กับธนาคารกรุงเทพ โดย ก่อนหน้านี้ในปี2559 ได้มายื่นเรื่องร้องเรียนต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอแล้ว และได้รับคำตอบแล้วว่าในส่วนของธนาคารกรุงเทพ ไม่มีมูลความผิดในคดีฟอกเงิน
ส่วนการดำเนินการกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทยทั้ง 2คน ดีเอสไอได้ส่งเรื่องให้กับปปช.ดำเนินการต่อ แต่ตนเห็นแย้ง และเห็นว่าทั้งสองคนน่าจะมีความผิดฐานฟอกเงิน ดังนั้นดีเอสไอจึงควรดำเนินคดีให้ครบถ้วน ยืนยันการมาร้องเรียนครั้งนี้ ไม่ใช่การพยายามยื้อเวลาในคดีฟอกเงินธนาคาร กรุงไทยของนายพานทองแท้ ชินวัตร ที่จะมีการสรุปสำนวนแล้ว เพราะคดีฟอกเงินนี้ มีผู้เกี่ยวขัองหลายคน ไม่ได้มีแค่นายพานทองแท้คนเดียว
พันตำรวจตรีวรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งมารับหนังสือ และกล่าวว่า ดคีนี้อยู่ในอำนาจการสอบสวนของ สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 โดยตนได้หารือกับเจ้าของสำนวนแล้ว เห็นว่ากรณีการปล่อยกู้อาจมีประเด็นที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม จะส่งเอกสารให้พนักงานสอบสวนไปพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทุกอย่างจะต้องอธิบายได้
ขณะที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ดีเอสไอจะรับคำร้องของนายวันชัยไว้ตรวจสอบแต่ก่อนหน้านี้ได้เคยทำหนังสือแจ้งให้นายวันชัยแล้วว่า บุคคลที่นายวันชัยร้องทุกข์ให้ตรวจสอบนั้นไม่มีมูลความผิดในคดีฟอกเงินส่วนผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ดี เอสไอได้ส่งเรื่องให้ป.ป.ช ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว แต่เมื่อนายวันชัยยังต้องการยื่นหนังสือให้ตรวจสอบดีเอสไอก็จะรับไว้พิจารณาในส่วนของคดีฟอกเงินจากการทุจริตปล่อยกู้ฯการสอบสวนก็มีความคืบหน้า ซึ่งวันนี้พนักงานสอบสวนจะประชุมร่วมกับอัยการเพื่อหาตรวจสอบหลักฐานและรายละเอียดต่างในสำนวนร่วมกันต่อไปย้ำว่า คดีนี้ดีเอสไอจะดำเนินการไปตามพยานหลักฐานหากพิจารณาสั่งฟ้องก็ต้องมีคำตอบอธิบายได้ว่า สั่งฟ้องเพราะหลักฐานใด เช่นเดียวกันหากมีคำสั่งไม่ฟ้องก็ต้องมีคำตอบอธิบายได้ว่าไม่ได้กระทำความผิดเพราะอะไร
ทั้งนี้สำหรับกรณีทุจริตธนาคารกรุงไทย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก ร้อยโท สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ อดีตประธานบอร์ดบริหารธนาคารกรุงไทยและ วิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย เป็นเวลา 18 ปี จากการอนุมัติสินเชื่อกว่า 8 พันล้านบาท ให้กับบริษัทในเครือของบริษัทกฤษฎามหานคร พร้อมให้ร่วมกันชดใช้เงินคืนให้กับธนาคารกรุงไทย ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่เป็นกรรม การอนุมัติสินเชื่อและกลุ่มเอกชนที่ทำการขอสินเชื่อให้จำคุกคนละ 12 ปี โดยคดีนี้ มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยที่1 แต่ศาลได้สั่งให้จำหน่ายคดีในส่วนของ นายทักษิณ ไว้ชั่วคราว เนื่องจากหลบหนีคดี ส่วนนายพานทองแท้ ชินวัตร มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องในเส้นทางการเงิน ในจำนวนเงินกู้ 9,900ล้านบาท ที่ธนาคารกรุงไทย ปล่อยสินเชื่อให้เครือกฤษดามหานคร.-สำนักข่าวไทย