ภูมิภาค 2 พ.ย.-ชาวนาหลายจังหวัดเร่งเกี่ยวข้าวขายโรงสี แม้ได้ราคาเพียงคุ้มทุน เนื่องจากฝนที่ตกลงมาจมนาข้าวเริ่มเน่าเสียหาย วอนภาครัฐช่วยเหลือประกันราคาอย่างน้อยตันละ 10,000 บาท
ชาวนาใน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ จ้างรถเกี่ยวข้าว เร่งเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกเหนียวที่กำลังสุก เพื่อนำไปขายที่สหกรณ์การเกษตรหางดง ซึ่งขณะนี้รับซื้อข้าวเปลือกเหนียวในราคา ตันละ 7,400 บาท หากมีความชื้นสูงรับซื้อตันละ 7,300 บาท
ตัวแทนชาวนาบอกว่า จำเป็นต้องขายข้าว เนื่องจากไม่มียุ้งฉางเก็บข้าว ประกอบกับข้าวมีความชื้น เพราะมีฝนตกในพื้นที่ หากเก็บไว้ต้องนำไปตากแดด แต่ไม่มีลานตากข้าว จึงจำใจขาย แม้ว่าจะไม่มีกำไรเหลือ เพราะต้นทุนของชาวนาที่นี่ มีทั้งค่าเกี่ยวข้าวไร่ละ 600 บาท ค่ารถบรรทุกขนข้าวมายังจุดรับซื้อเที่ยวละ 500 บาท รวมกับค่าปลูก ค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ทำให้ต้นทุนสูงกว่า 6,000 บาท/ไร่ แม้เหลือเงินจากการขายข้าวไม่มาก แต่มีความจำเป็น เพราะต้องนำเงินไปใช้หนี้สถาบันการเงินที่กู้ยืมมา จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลรับประกันราคาข้าวที่อย่างน้อยตันละ 10,000 บาท
ชาวนา 20 คน ใน ต.บ่อทอง อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก รวมกลุ่มกันตั้งโรงสีชุมชนบ้านบ่อทอง สีข้าวเองขายทางเฟซบุ๊ก ชื่อว่า “ข้าวนาดี บ้านบ่อทอง” กับสโลแกนข้าวสารจากใจชาวนา สีข้าวขายเอง ส่งตรงถึงมือท่าน โดยแพ็กขายในกิโลกรัมละ 35 บาท ถุงขนาด 15 กิโลกรัม ราคา 500 บาท ลดจากราคาขายปลีก 25 บาท แต่ก็ยังได้กำไรมากกว่าการส่งขายข้าวเปลือกไปขายกับโรงสีกว่า 2 เท่าตัว โดยข้าวเปลือก 1 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน จะสีเป็นข้าวสารได้ 650-700 กิโลกรัม ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มมากกว่า การส่งข้าวเปลือกขายให้โรงสี คุ้มค่ากับการลงทุนเพาะปลูก
นอกจากนี้ ยังมีการสีข้าวไรซ์เบอร์รีแพ็กถุง และผลิตผลทางการเกษตรอื่นๆ อาทิ มะนาว ไข่ไก่ อารมณ์ดี หน่อไม้ดองในน้ำแร่ ส่งขายเอง นอกจากขายทางเฟซบุ๊กก็ยังมีลูกค้าในจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียงมาซื้อถึงที่ด้วย ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ
ขณะที่นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ประชุมพาณิชย์จังหวัด เตรียมเปิดตลาดนัดข้าวสาร และตลาดนัดข้าวเปลือกให้ชาวนานำข้าวมาจำหน่ายตรงกับผู้บริโภคโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่หน้าศาลหลักเมือง ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายนไปจนถึงสิ้นเดือนนี้
ส่วนที่ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชน ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เน้นปลูกข้าว เพื่อนำไปเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชน และนำออกจำหน่ายให้หน่วยงานราชการ ห้างร้าน ที่จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ เมื่อขายเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวจะได้ราคาถึงกิโลกรัมละ 20-25 บาท ซึ่งขณะนี้ศูนย์มีชาวนาใน จ.สุรินทร์ เป็นสมาชิก 42 คน มีพื้นที่ปลูกนาข้าว 450 ไร่ โดยการปลูกเป็นเมล็ดพันธุ์ต้องมีการคัดคุณภาพ คือ ถ้าข้าวเปลือก 55 กรัม ต้องตรวจสอบเมล็ดข้าวอื่นเจือปนไม่เกิน 5 เมล็ด ขณะที่ราคาข้าวเปลือกขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 8 บาท
อีกด้านคือ ผู้ประกอบการโรงสี วันนี้ (2 พ.ย.) นายสุทธิศักดิ์ พรหมบุตร พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ออกสุ่มตรวจสอบโรงสีข้าวในเขต อ.เมือง เน้นตรวจคุณภาพเครื่องชั่งตรวจวัด และเครื่องชั่งน้ำหนัก ซึ่งต้องได้รับการตรวจรับรองมาตรฐาน พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงสีให้ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อข้าวให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการเอาเปรียบชาวนาที่นำข้าวเปลือกนาปีมาขาย เนื่องจากช่วงนี้ราคาข้าวค่อนข้างตกต่ำ
จ.บุรีรัมย์ มีโรงสีที่เปิดรับซื้อข้าวกระจายอยู่ตามอำเภอต่างๆ กว่า 20 แห่ง ทั้งนี้ บรรยากาศการซื้อขายตามโรงสีต่างๆ ใน จ.บุรีรัมย์ ช่วงนี้ไม่คึกคักเท่าที่ควร เพราะอยู่ระหว่างเก็บเกี่ยวผลผลิต บางส่วนเก็บเกี่ยวข้าวแล้วนำไปตากแดดลดความชื้น หวังได้ราคาเพิ่มขึ้น และมีกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวแล้ว.-สำนักข่าวไทย